Monday, August 30, 2010
CALIFORNIA TRIES TO REDUCE NOISE FROM MOTORCYCLES
Calling California motorcycle riders!!! Today Senator Pavley signed off on a bill that will try to reduce the level of noise from motorcycles. Let us know if this new law that will supposedly go into effect by 2013 be useful? Check out the press release from Pavley's website below to learn more.....
SACRAMENTO, CA – The ear-splitting roar of illegally modified motorcycles may soon be quieted thanks to a bill authored by Senator Fran Pavley (D-Santa Monica). SB 435, which will give law enforcement a tool to enforce current anti-tampering and noise level statues for motorcycles, is now headed to the governor’s desk. It passed the Senate Monday on a 21-16 vote.
“The noise caused by illegally modified motorcycle exhaust systems is a major quality of life issue across the state,” said Senator Pavley. “Basic common sense and decency dictates that when a motorcycle drives by and sets off every car alarm on the street, that is too loud. Additionally, many of the modifications which are aimed at making a bike louder - for example removing the catalytic converter - also make the bike exponentially more polluting. This has direct, measurable and negative impacts on public health.”
The past decade has seen improvements in pollution control equipment for motorcycles, and most now come equipped with catalytic converters and other emissions control devices. “However, many motorcycle enthusiasts remove the factory installed emissions control equipment and replace it with custom parts that create an exponentially higher amount of noise and air pollution than the factory kits, or legal aftermarket replacements,” said Senator Pavley.
This practice violates current state law and Federal regulations, but enforcement remains lax mainly due to a lack of effective tools for law enforcement, and due to the fact that motorcycles are not subject to smog check, as all other motor vehicles are, where many instances of tampering are discovered.
“In the absence of smog check, or other emissions or noise testing mechanisms for motorcycles in California, it is necessary to establish an enforcement mechanism that does not allow motorcycles to skirt current law,” said Senator Pavley.
SB 435 would require that motorcycles maintain their federally required emissions equipment (on both original, and aftermarket exhaust systems), including a readily visible EPA stamp certifying compliance. These regulations have been on the books since 1983. This gives law enforcement the ability to cite violations under the CA Vehicle Code, using a readily visible and unalterable stamp, already required by Federal regulation. A violation will be cited as a secondary infraction, and a first offense can be dismissed upon proof of correction. This bill will apply to motorcycles and aftermarket parts going forward from 2013.
###
"ฟีม" เจ็บใจเบรกพลาดจนกลิ้ง
รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดสังกัดทีมไทยฮอนด้าพีทีทีสิงห์แซค ในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตทู สุดเจ็บใจกับการเบรกที่ผิดพลาดจนต้องออกจากการแข่งขันสนามล่าสุดที่อินเดียนาโพลิส ทั้งที่กำลังเกาะกลุ่มอยู่ในอันดับที่ 6 จนต้องพลาดเก็บแต้มติดมืออีกสนาม
นักบิดหนึ่งเดียวของไทยออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันที่อินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ ที่สนามอินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ ช่วงเช้ามืดวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการเกาะกลุ่มอยู่ในอันดับที่ 4-7 ทว่าต้องออกจากการแข่งขันเมื่อพลาดล้มในรอบที่ 9 ของการแข่งขัน
โดยนักบิดหน้าตี๋เผยด้วยความเจ็บใจหลังจบเรซว่า "มันเกือบจะเป็นสุดสัปดาห์ที่ดีของผมและทีมงาน เราต้องออกสตาร์ทถึง 2 ครั้งหลังเกิดอุบัติเหตุในโค้งแรก ซึ่งในการรีสตาร์ทผมเกาะกลุ่มขับเคี่ยวอยู่ในอันดับที่ 4 ถึง 7 ร่วมกับทามัคซี ,เอียนโนเน รวมถึงลูธิ"
"ซึ่งจากความเร็วที่รถของเราทำได้ดีในเรซนี้ ผมจึงพยายามแซงเอาอันดับคืนในช่วงสุดทางตรงโค้งแรก แต่มันน่าเจ็บใจและเสียดายมาก เมื่อผมกดเบรกหลังเบาเกินไปจนรถสะบัดเสียความควบคุม จนต้องออกจากการแข่งขัน ผมขอโทษทีมงานและแฟนๆทุกคน และจะขอแก้ตัวอีกครั้งในเรซหน้าที่มิซาโน"
สำหรับฟีมยังคงมีแต้มสะสมในรุ่นโมโตทูอยู่ที่ 25 คะแนน รั้งอันดับ 17 ในตารางแชมเปียนชิป ตามหลังเซร์คิโอ การ์เด ที่อยู่ในอันดับ 10 อยู่ 33 คะแนน โดยการแข่งขันสนามต่อไปจะไปดวลความเร็วกันที่สนามิซาโน ในซาน มาริโน วันที่ 5 ก.ย.นี้
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/
นักบิดหนึ่งเดียวของไทยออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันที่อินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ ที่สนามอินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ ช่วงเช้ามืดวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการเกาะกลุ่มอยู่ในอันดับที่ 4-7 ทว่าต้องออกจากการแข่งขันเมื่อพลาดล้มในรอบที่ 9 ของการแข่งขัน
โดยนักบิดหน้าตี๋เผยด้วยความเจ็บใจหลังจบเรซว่า "มันเกือบจะเป็นสุดสัปดาห์ที่ดีของผมและทีมงาน เราต้องออกสตาร์ทถึง 2 ครั้งหลังเกิดอุบัติเหตุในโค้งแรก ซึ่งในการรีสตาร์ทผมเกาะกลุ่มขับเคี่ยวอยู่ในอันดับที่ 4 ถึง 7 ร่วมกับทามัคซี ,เอียนโนเน รวมถึงลูธิ"
"ซึ่งจากความเร็วที่รถของเราทำได้ดีในเรซนี้ ผมจึงพยายามแซงเอาอันดับคืนในช่วงสุดทางตรงโค้งแรก แต่มันน่าเจ็บใจและเสียดายมาก เมื่อผมกดเบรกหลังเบาเกินไปจนรถสะบัดเสียความควบคุม จนต้องออกจากการแข่งขัน ผมขอโทษทีมงานและแฟนๆทุกคน และจะขอแก้ตัวอีกครั้งในเรซหน้าที่มิซาโน"
สำหรับฟีมยังคงมีแต้มสะสมในรุ่นโมโตทูอยู่ที่ 25 คะแนน รั้งอันดับ 17 ในตารางแชมเปียนชิป ตามหลังเซร์คิโอ การ์เด ที่อยู่ในอันดับ 10 อยู่ 33 คะแนน โดยการแข่งขันสนามต่อไปจะไปดวลความเร็วกันที่สนามิซาโน ในซาน มาริโน วันที่ 5 ก.ย.นี้
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/
ฟูมิอากิ นางาชิมา "ยามาฮ่า" แบรนด์ในใจ "วัยรุ่น"
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าในแวดวงตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย นอกจากภาพของการแข่งขันในเชิงยอดขาย อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ความมุ่งมั่นและพยายามขับเคลื่อน "แบรนด์" ของตัวเอง ให้เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้า
"ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสร่วมพูดคุยกับนายใหญ่แห่งค่ายรถจักรยานยนต์ เบอร์ 2 "ฟูมิอากิ นางาชิมา" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด แม้จะเข้ามานั่งแท่นบอสใหญ่ได้เพียงขวบปีกว่า แต่ด้วยความมั่นใจบวกกับทิศทาง การบริหาร และทีมงานคุณภาพ ทำให้เขามั่นใจในความเป็นผู้นำ "เทรนด์" แล้วยืนยันว่า ยามาฮ่าถือเป็นเบอร์หนึ่งไม่เป็นรองใคร
- ความพอใจตลาดเมืองไทย ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง
ก่อนที่ผมจะเข้ามารับหน้าที่ดูแลตลาดเมืองไทยนั้น ผมเคยดูแลตลาดทั้งใน อเมริกา, ยุโรป, อินโดนีเซีย หรือแม้แต่ในจีนมาแล้ว แต่ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่า "ยามาฮ่า" เมืองไทยน่าจะเป็นบริษัทมีระบบการจัดการภายในองค์กรที่ดีที่สุด ทั้งด้านการผลิต การตลาด การเงิน การวางแผนธุรกิจ เรียกได้ว่า ระบบควบคุมภายในทุกอย่างน่าจะดีที่สุดเท่าที่เคยมีประสบการณ์มาจากประเทศอื่น ๆ
- นโยบายหลักที่จะใช้กับเมืองไทย
ในช่วงระยะนับตั้งแต่ปี 2552 ที่เข้ามารับตำแหน่ง ไปจนถึงปี 2554 หรือภายใน 3 ปีนี้ ยามาฮ่าจะต้องมี 1.ยอดขายภายในประเทศที่มากกว่า 500,000 คัน 2.จะต้องมีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 28% และ 3.คือ ภายในปีที่ 3 หรือปี 2554 นั้น ยามาฮ่าจะต้องมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 30% ให้ได้
อย่างในปีนี้ เราเชื่อว่าจะมียอดขายมากกว่า 500,000 คันอย่างแน่นอนแล้ว ส่วนมาร์เก็ตแชร์ การผลิต ทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในแผนงานของบริษัททั้งสิ้น ซึ่งถ้าปีนี้ยามาฮ่ามียอดขายมากกว่า 500,000 คัน ในปีหน้าเราก็หวังว่าจะมียอดขายที่ 550,000 คัน
- มองอะไรที่ยามาฮ่าน่าจะทำได้มากกว่านี้
ในส่วนของรูปแบบการทำตลาดของ ยามาฮ่าในปีนี้ เราก็จะยังคงเน้นไปที่มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง, สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เจาะเข้าไปยัง "ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง" อย่างต่อเนื่อง
หลังจากตลอดช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ยามาฮ่าค่อนข้างประสบความสำเร็จกับการใช้รูปแบบการทำตลาดข้างต้นมาแล้ว
ส่วนโรงงานนั้น ปัจจุบันนอกจากเราจะใช้สำหรับผลิตรถจักรยานยนต์เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศแล้ว เราก็ยังคงมีการผลิตเป็นรถจักรยานยนต์ สำเร็จรูปและชิ้นส่วนออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งฟิลิปปินส์, กัมพูชา, กรีซ, ลาว, มาเลเซีย และเวียดนาม และอนาคตบริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งออกไปยังประเทศใหม่อย่างแอฟริกาใต้, อเมริกากลาง และยุโรปด้วย
- ความคืบหน้าของธุรกิจใหม่ ๆ
เป็นที่ทราบกันดีว่า "ยามาฮ่า" เราไม่ได้มีการผลิตสินค้าเฉพาะรถจักรยานยนต์อย่างเดียวเท่านั้น แต่เรายังมีสินค้าอื่น ๆ ซึ่งมีความหลากหลาย ทั้งเครื่องเรือ, เวฟ รันเนอร์, บิ๊กไบก์ ซึ่งเราคงจะต้องวางแผนทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนปีนี้เราก็กำลังเตรียมแผนงานที่จะแนะนำสินค้าใหม่ อย่างรถกอล์ฟและเครื่องยนต์อเนกประสงค์ออกสู่ตลาดเมืองไทยด้วย
เนื่องจากเราต้องการนำเสนอสินค้าในส่วนอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยได้เลือกใช้และพิจารณา รวมทั้งเราต้องการสื่อสารไปยังลูกค้าว่า "ยามาฮ่า" ไม่ได้มีสินค้าเฉพาะรถจักรยานยนต์เท่านั้น
- อีก 3 ปียามาฮ่าจะปักธงกับตลาดเมืองไทยอย่างไร
สำหรับรถจักรยานยนต์ของเราก็ยังจะคงเน้นเจาะกลุ่มไปที่วัยรุ่น โดยเฉพาะการสื่อสารความเป็นที่ 1 ด้านภาพลักษณ์ ที่สดใหม่อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าวันนี้เราจะทำได้ค่อนข้างดีแล้ว แต่เราก็ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นภาพความสดใหม่ และแบรนด์ที่แตกต่าง ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์สินค้า ตรา สินค้า ซึ่งวันนี้ภาพของยามาฮ่าในเชิงของ วัยรุ่น คือวัยรุ่นที่มีสไตล์ มีรสนิยม น่า ตื่นเต้น เร้าใจ หรือถ้าพูดให้ตรงประเด็นคือ "ยามาฮ่า" จะต้องเป็นแบรนด์ในใจวัยรุ่นทั่วประเทศ
- การลงทุนเพิ่มเติมสำหรับปีนี้
วันนี้ด้วยพื้นที่และกำลังผลิตของโรงงาน ในปัจจุบัน เทียบกับยอดขายถือว่าวันนี้ ยามาฮ่ายังไม่มีแผนลงทุนใด ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในส่วนของการขยายโรงงานวันนี้ยังไม่มีความจำเป็น แต่โดยปกติเราได้วางงบประมาณสำหรับการลงทุน ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต อุปกรณ์ และเทคโนโลยี รวมทั้งการพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ ซึ่งเราได้วางงบประมาณโดยเฉลี่ยได้ปีละ 1,000 ล้านบาทต่อปีอยู่แล้ว
ส่วนสินค้าใหม่ที่บริษัทจำนำเข้ามาทำตลาด อย่าง "รถกอล์ฟ" และ "เครื่องยนต์อเนกประสงค์" นั้น จะเป็นในรูปแบบของการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายมากกว่า
ในส่วนของกำลังการผลิตปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 650,000 คันต่อปี ปีนี้เราตั้งเป้าขายในประเทศกว่า 500,000 คัน และส่งออกอีกประมาณ 20,000 คัน ไม่รวมซีบียู ซึ่งโรงงานเราถือว่ายังรองรับเพียงพอ
- มองภาพตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้
วันนี้ต้องบอกว่า หากสถานการณ์ทุกอย่างยังอยู่ในภาวะปกติเหมือนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา คาดว่ายอดขายโดยรวมในปีนี้น่าจะอยู่ระดับ 1.8-1.9 ล้านคัน โตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 23% ในช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมา หรือจะประเมินให้ชัดเจน"ยามาฮ่า" คาดว่ายอดขายโดยรวมน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.85 ล้านคัน หรือโตประมาณ 15% ถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา และยามาฮ่าจะมียอดขายอยู่ที่ 520,000 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 28%
โดยสัดส่วนของการจำหน่ายจะแบ่งเป็นรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติ 53% เกียร์ธรรมดา 47% สำหรับตลาดรวม ขณะที่สัดส่วนการขายของยามาฮ่านั้นจะเป็นรถเกียร์อัตโนมัติสูงถึง 85% และเกียร์ธรรมดาเพียง 15%
- หมายความว่าพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน
แน่นอน ยามาฮ่าเราเชื่อว่าตลาดรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติน่าจะมีการขยายไปได้มากกว่านี้ อย่างปีที่ผ่านมาสัดส่วนของรถเกียร์อัตโนมัติอยู่เพียงแค่ 49% แต่ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 53% และปีหน้าเชื่อว่าจะ เพิ่มเป็น 55% ภายใน 2-3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 60% และยามาฮ่าเองน่าจะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันด้วย
- มองตลาดปีหน้า
สำหรับในปีหน้าเรายังเชื่อว่ายอดขายรถจักรยานยนต์โดยรวมก็น่าจะมีตัวเลขอยู่ในระดับ 1.8-1.9 ล้านคัน ใกล้เคียงกับปีนี้ เหตุผลที่เชื่ออย่างนั้น เพราะว่าวันนี้จำนวนประชากรไทยไม่ได้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน 2.เรามองว่าตลาดน่าจะอยู่ในระดับใกล้ถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งตัวเลขในระดับ 1.8-1.9 ล้านคันนี้ ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดี
ทั้งนี้ ยามาฮ่าเชื่อว่าหากเราทำสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันอย่างเต็มที่แล้ว บวกกับการสนับสนุนและส่งเสริมจากบริษัทแม่ ในแง่ของการพัฒนาสินค้า อย่างไรก็แล้วแต่เราเชื่อว่าสุดท้าย "ยามาฮ่า" จะต้องมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในระดับ 30-35% ได้ไม่ยากนัก
- แผนขยายเครือข่าย
ปัจจุบันยามาฮ่ามีตัวแทนจำหน่าย 550 แห่งทั่วประเทศ แบ่งออกเป็นยามาฮ่า สแควร์ 400 แห่ง และรูปแบบธรรมดาประมาณ 150 แห่ง ตามแผนงานที่วางไว้คือ การเพิ่มจำนวนสาขา 30-40 แห่งต่อปี คาดว่าภายใน 5 ปีจะมีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 700 แห่งทั่วประเทศ ส่วนยามาฮ่า โอเค ซึ่งเป็นโชว์รูมที่จำหน่ายรถมือสองอย่างเป็นทางการของยามาฮ่า ปัจจุบันยังคงมี 1 สาขาย่านรัชดาฯ และยังไม่มีแผนงาน จะขยายเพิ่มในตอนนี้ เพราะเราตั้งใจให้ ยามาฮ่า โอเค เป็นโชว์รูม และสถานที่เป็น กลางในการวางมาตรฐานราคาจำหน่าย รถจักรยานยนต์มือสองของเราในแต่ละรุ่น
เพิ่มเติม http://www.prachachat.net/
"ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสร่วมพูดคุยกับนายใหญ่แห่งค่ายรถจักรยานยนต์ เบอร์ 2 "ฟูมิอากิ นางาชิมา" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด แม้จะเข้ามานั่งแท่นบอสใหญ่ได้เพียงขวบปีกว่า แต่ด้วยความมั่นใจบวกกับทิศทาง การบริหาร และทีมงานคุณภาพ ทำให้เขามั่นใจในความเป็นผู้นำ "เทรนด์" แล้วยืนยันว่า ยามาฮ่าถือเป็นเบอร์หนึ่งไม่เป็นรองใคร
- ความพอใจตลาดเมืองไทย ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง
ก่อนที่ผมจะเข้ามารับหน้าที่ดูแลตลาดเมืองไทยนั้น ผมเคยดูแลตลาดทั้งใน อเมริกา, ยุโรป, อินโดนีเซีย หรือแม้แต่ในจีนมาแล้ว แต่ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่า "ยามาฮ่า" เมืองไทยน่าจะเป็นบริษัทมีระบบการจัดการภายในองค์กรที่ดีที่สุด ทั้งด้านการผลิต การตลาด การเงิน การวางแผนธุรกิจ เรียกได้ว่า ระบบควบคุมภายในทุกอย่างน่าจะดีที่สุดเท่าที่เคยมีประสบการณ์มาจากประเทศอื่น ๆ
- นโยบายหลักที่จะใช้กับเมืองไทย
ในช่วงระยะนับตั้งแต่ปี 2552 ที่เข้ามารับตำแหน่ง ไปจนถึงปี 2554 หรือภายใน 3 ปีนี้ ยามาฮ่าจะต้องมี 1.ยอดขายภายในประเทศที่มากกว่า 500,000 คัน 2.จะต้องมีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 28% และ 3.คือ ภายในปีที่ 3 หรือปี 2554 นั้น ยามาฮ่าจะต้องมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 30% ให้ได้
อย่างในปีนี้ เราเชื่อว่าจะมียอดขายมากกว่า 500,000 คันอย่างแน่นอนแล้ว ส่วนมาร์เก็ตแชร์ การผลิต ทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในแผนงานของบริษัททั้งสิ้น ซึ่งถ้าปีนี้ยามาฮ่ามียอดขายมากกว่า 500,000 คัน ในปีหน้าเราก็หวังว่าจะมียอดขายที่ 550,000 คัน
- มองอะไรที่ยามาฮ่าน่าจะทำได้มากกว่านี้
ในส่วนของรูปแบบการทำตลาดของ ยามาฮ่าในปีนี้ เราก็จะยังคงเน้นไปที่มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง, สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เจาะเข้าไปยัง "ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง" อย่างต่อเนื่อง
หลังจากตลอดช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ยามาฮ่าค่อนข้างประสบความสำเร็จกับการใช้รูปแบบการทำตลาดข้างต้นมาแล้ว
ส่วนโรงงานนั้น ปัจจุบันนอกจากเราจะใช้สำหรับผลิตรถจักรยานยนต์เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศแล้ว เราก็ยังคงมีการผลิตเป็นรถจักรยานยนต์ สำเร็จรูปและชิ้นส่วนออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งฟิลิปปินส์, กัมพูชา, กรีซ, ลาว, มาเลเซีย และเวียดนาม และอนาคตบริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งออกไปยังประเทศใหม่อย่างแอฟริกาใต้, อเมริกากลาง และยุโรปด้วย
- ความคืบหน้าของธุรกิจใหม่ ๆ
เป็นที่ทราบกันดีว่า "ยามาฮ่า" เราไม่ได้มีการผลิตสินค้าเฉพาะรถจักรยานยนต์อย่างเดียวเท่านั้น แต่เรายังมีสินค้าอื่น ๆ ซึ่งมีความหลากหลาย ทั้งเครื่องเรือ, เวฟ รันเนอร์, บิ๊กไบก์ ซึ่งเราคงจะต้องวางแผนทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนปีนี้เราก็กำลังเตรียมแผนงานที่จะแนะนำสินค้าใหม่ อย่างรถกอล์ฟและเครื่องยนต์อเนกประสงค์ออกสู่ตลาดเมืองไทยด้วย
เนื่องจากเราต้องการนำเสนอสินค้าในส่วนอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยได้เลือกใช้และพิจารณา รวมทั้งเราต้องการสื่อสารไปยังลูกค้าว่า "ยามาฮ่า" ไม่ได้มีสินค้าเฉพาะรถจักรยานยนต์เท่านั้น
- อีก 3 ปียามาฮ่าจะปักธงกับตลาดเมืองไทยอย่างไร
สำหรับรถจักรยานยนต์ของเราก็ยังจะคงเน้นเจาะกลุ่มไปที่วัยรุ่น โดยเฉพาะการสื่อสารความเป็นที่ 1 ด้านภาพลักษณ์ ที่สดใหม่อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าวันนี้เราจะทำได้ค่อนข้างดีแล้ว แต่เราก็ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นภาพความสดใหม่ และแบรนด์ที่แตกต่าง ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์สินค้า ตรา สินค้า ซึ่งวันนี้ภาพของยามาฮ่าในเชิงของ วัยรุ่น คือวัยรุ่นที่มีสไตล์ มีรสนิยม น่า ตื่นเต้น เร้าใจ หรือถ้าพูดให้ตรงประเด็นคือ "ยามาฮ่า" จะต้องเป็นแบรนด์ในใจวัยรุ่นทั่วประเทศ
- การลงทุนเพิ่มเติมสำหรับปีนี้
วันนี้ด้วยพื้นที่และกำลังผลิตของโรงงาน ในปัจจุบัน เทียบกับยอดขายถือว่าวันนี้ ยามาฮ่ายังไม่มีแผนลงทุนใด ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในส่วนของการขยายโรงงานวันนี้ยังไม่มีความจำเป็น แต่โดยปกติเราได้วางงบประมาณสำหรับการลงทุน ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต อุปกรณ์ และเทคโนโลยี รวมทั้งการพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ ซึ่งเราได้วางงบประมาณโดยเฉลี่ยได้ปีละ 1,000 ล้านบาทต่อปีอยู่แล้ว
ส่วนสินค้าใหม่ที่บริษัทจำนำเข้ามาทำตลาด อย่าง "รถกอล์ฟ" และ "เครื่องยนต์อเนกประสงค์" นั้น จะเป็นในรูปแบบของการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายมากกว่า
ในส่วนของกำลังการผลิตปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 650,000 คันต่อปี ปีนี้เราตั้งเป้าขายในประเทศกว่า 500,000 คัน และส่งออกอีกประมาณ 20,000 คัน ไม่รวมซีบียู ซึ่งโรงงานเราถือว่ายังรองรับเพียงพอ
- มองภาพตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้
วันนี้ต้องบอกว่า หากสถานการณ์ทุกอย่างยังอยู่ในภาวะปกติเหมือนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา คาดว่ายอดขายโดยรวมในปีนี้น่าจะอยู่ระดับ 1.8-1.9 ล้านคัน โตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 23% ในช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมา หรือจะประเมินให้ชัดเจน"ยามาฮ่า" คาดว่ายอดขายโดยรวมน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.85 ล้านคัน หรือโตประมาณ 15% ถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา และยามาฮ่าจะมียอดขายอยู่ที่ 520,000 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 28%
โดยสัดส่วนของการจำหน่ายจะแบ่งเป็นรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติ 53% เกียร์ธรรมดา 47% สำหรับตลาดรวม ขณะที่สัดส่วนการขายของยามาฮ่านั้นจะเป็นรถเกียร์อัตโนมัติสูงถึง 85% และเกียร์ธรรมดาเพียง 15%
- หมายความว่าพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน
แน่นอน ยามาฮ่าเราเชื่อว่าตลาดรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติน่าจะมีการขยายไปได้มากกว่านี้ อย่างปีที่ผ่านมาสัดส่วนของรถเกียร์อัตโนมัติอยู่เพียงแค่ 49% แต่ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 53% และปีหน้าเชื่อว่าจะ เพิ่มเป็น 55% ภายใน 2-3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 60% และยามาฮ่าเองน่าจะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันด้วย
- มองตลาดปีหน้า
สำหรับในปีหน้าเรายังเชื่อว่ายอดขายรถจักรยานยนต์โดยรวมก็น่าจะมีตัวเลขอยู่ในระดับ 1.8-1.9 ล้านคัน ใกล้เคียงกับปีนี้ เหตุผลที่เชื่ออย่างนั้น เพราะว่าวันนี้จำนวนประชากรไทยไม่ได้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน 2.เรามองว่าตลาดน่าจะอยู่ในระดับใกล้ถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งตัวเลขในระดับ 1.8-1.9 ล้านคันนี้ ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดี
ทั้งนี้ ยามาฮ่าเชื่อว่าหากเราทำสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันอย่างเต็มที่แล้ว บวกกับการสนับสนุนและส่งเสริมจากบริษัทแม่ ในแง่ของการพัฒนาสินค้า อย่างไรก็แล้วแต่เราเชื่อว่าสุดท้าย "ยามาฮ่า" จะต้องมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในระดับ 30-35% ได้ไม่ยากนัก
- แผนขยายเครือข่าย
ปัจจุบันยามาฮ่ามีตัวแทนจำหน่าย 550 แห่งทั่วประเทศ แบ่งออกเป็นยามาฮ่า สแควร์ 400 แห่ง และรูปแบบธรรมดาประมาณ 150 แห่ง ตามแผนงานที่วางไว้คือ การเพิ่มจำนวนสาขา 30-40 แห่งต่อปี คาดว่าภายใน 5 ปีจะมีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 700 แห่งทั่วประเทศ ส่วนยามาฮ่า โอเค ซึ่งเป็นโชว์รูมที่จำหน่ายรถมือสองอย่างเป็นทางการของยามาฮ่า ปัจจุบันยังคงมี 1 สาขาย่านรัชดาฯ และยังไม่มีแผนงาน จะขยายเพิ่มในตอนนี้ เพราะเราตั้งใจให้ ยามาฮ่า โอเค เป็นโชว์รูม และสถานที่เป็น กลางในการวางมาตรฐานราคาจำหน่าย รถจักรยานยนต์มือสองของเราในแต่ละรุ่น
เพิ่มเติม http://www.prachachat.net/
Sunday, August 29, 2010
Saturday, August 28, 2010
Thursday, August 26, 2010
City to try flat fee parking program for motorbikes
Sample permit courtest PDOT.
Comments (35)
PORTLAND, Ore. – Portland transportation division officials said they are going to try a pilot program that offers motorcycle and scooter riders a flat monthly fee to park in the city’s metered parking spots.
Riders have complained in the past that the stick-on tags from the current parking meters are too easily lost or stolen, resulting in parking tickets.
In a press release distributed Tuesday, the Portland Bureau of Transportation announced the pilot program would run for a year beginning September 1, 2010. Permits will cost $40 a month.
“The permit is to be used for limited, short-term visits in a meter district and not to be used for long-term commuter parking. The motorcycle or moped may stay on the blockface only for the time limit of the meter, after which it must be moved either across the street or to a different block.,” the press release stated.
Cheryl Kuck, Public Information Officer for the bureau, told KATU News the $40 figure was arrived at using information from parking enforcement officers and other feedback the city has received.
Kuck said the permit is aimed at riders who come into downtown a few times a week for a few hours at a time.
Cycles and scooter owners must attach a numbered permit plate to their vehicle. Permits must match the license plate of the registered user’s motorbike.
Violators who go overtime in their parking space can be penalized with suspension or revocation from the program.
Current Portland Mayor Sam Adams, who is well-known for advocating bicycling in the city, is also a motorcyclist. He has met with local riders at town-hall meetings when he was a city commissioner to hear their concerns. Parking issues have been a primary topic and the city has added motorbike-only parking spots at various locations around the city.
Officials did note that two-wheeled commuters can also purchase monthly SmartPark garage permits for $30 but that does not allow the vehicles to use curbside or street parking without paying parking meters.
Portland has a robust motorbike and scooter community as well as a Motorcycle and Scooter Citizen Advisory Committee that works with the Bureau of Transportation. Kuck said the advisory committee supports the pilot program.
Motorbike riders can apply for a permit here (PDF link).
Monday, August 23, 2010
1957 Norton Seeley Jap Racing 1000
1957 Norton Seeley Jap Racing 1000
Seeley Jap Racing 1000, Norton Seeley, Norton, Racing Bikes, Classic, Road Bikes, Motorcycle, Aermacchi Harley-Davidson, AJS, Aprilia, Benelli, Bimota, Boss Hoss, BSA, Cagiva, CZ, Ducati, Egli-Vincent, Gilera, Harley-Davidson, Honda, Indian, Jawa, Kawasaki, Laverda, Maico, Mondial, Moto Guzzi, Motobécane, MV Agusta, Norton, NSU, Parilla, Rickman, Rickman Aermacchi, Royal Enfield, Rumi, Sanvenero, Suzuki, Triumph, Velocette, Villa, Vincent, Yamaha
1957 Norton Seeley 1000 Jap Racing for sale. Built by Dave Cameron. 8/80hp JAP JTOS v-twin engine, fully rebuilt, Norton Featherbed frame. Very powerful race bike in perfect running order. Available in Indonesian.
Saturday, August 21, 2010
Friday, August 20, 2010
ดึง4ยักษ์มอเตอร์ไซค์"จีน-ยุโรป" เทงบตั้งฐานผลิตอมตะ200ไร่จีบซัพพลายเออร์เพิ่ม
"อมตะฯ" เซ็นสัญญาดึงผู้ผลิตรถจักรยานยนต์จีน-ยุโรป 4 ค่ายปักหลัก ตั้งฐานผลิตในนิคมอมตะฯกว่า 200 ไร่ เล็งดึงซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เข้าลงทุนเพิ่ม ตั้งเป้ารวมกลุ่มคลัสเตอร์ในระยะยาว พร้อมดันไทยขึ้นสู่ศูนย์กลางการผลิตในตลาดโลก
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำ 4 ราย โดยมาจากประเทศยุโรป 2 ราย และจีน 2 ราย เพื่อเข้ามาใช้พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นการตั้งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์สำเร็จรูปขนาดใหญ่ (super bike) พร้อมจำหน่ายในประเทศและส่งออก โดยนอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ค่ายยุโรปอีก 1 ราย คาดว่าจะสรุปผลได้ในเร็ว ๆ นี้
"เห็นได้ว่าสัญญาณของเศรษฐกิจไทยเริ่มเป็นบวกมากขึ้น จากการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนในขณะนี้ แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองอยู่บ้างแต่นักลงทุนยังมั่นใจด้วยศักยภาพการลงทุนในไทยที่จัดว่าเป็นฐานผลิตที่มีความแข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน และการมีแรงงานที่มีศักยภาพ รวมทั้งการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาบุคลากรขั้นสูง เพื่อเร่งป้อนแรงงานระดับฝีมือเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น อาทิ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม"
หลังจากที่บริษัทยักษ์ใหญ่ตัดสินใจ เข้ามาลงทุนในพื้นที่นิคมอมตะฯ บริษัทได้เตรียมแผนการดำเนินงานในการเจรจา ดึงบริษัทซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่นิคมอมตะฯเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายป้อนชิ้นส่วนและอะไหล่ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มอีกในอนาคต และ จะเร่งผลักดันให้พื้นที่การลงทุนของ อมตะฯเข้าสู่การลงทุนที่สมบูรณ์แบบมีความเชื่อมโยงเป็นกลุ่มคลัสเตอร์มากขึ้น ซึ่งจะทำให้อมตะก้าวขึ้นสู่ศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ขณะนี้พื้นที่นิคมอมตะฯ เป็นพื้นที่มีศักยภาพในการเป็นฐานผลิตอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่ได้มาตรฐานและตรงความต้องการของลูกค้า พร้อมที่จะป้อนสู่โรงงานในนิคมได้อย่างเพียงพอ ทั้งการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่รุ่นพิเศษ และรถจักรยานยนต์ขนาดทั่วไป
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าสถานการณ์ที่ดีขึ้นและการกลับเข้ามาของนักลงทุน จะส่งผลให้อมตะฯสามารถทำยอดขายที่ดิน ในปี 2553 เป็นไปตามเป้าหมาย 900 ไร่อย่างแน่นอน โดยปัจจุบันนักลงทุนที่เข้า มาลงทุนในนิคมส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุน ญี่ปุ่นกว่า 60% และ 30% เป็นนักลงทุนไทยและส่วนที่เหลือก็กระจายตัวกว่า 20 ประเทศ
เพิ่มเติม http://www.prachachat.net
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำ 4 ราย โดยมาจากประเทศยุโรป 2 ราย และจีน 2 ราย เพื่อเข้ามาใช้พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นการตั้งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์สำเร็จรูปขนาดใหญ่ (super bike) พร้อมจำหน่ายในประเทศและส่งออก โดยนอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ค่ายยุโรปอีก 1 ราย คาดว่าจะสรุปผลได้ในเร็ว ๆ นี้
"เห็นได้ว่าสัญญาณของเศรษฐกิจไทยเริ่มเป็นบวกมากขึ้น จากการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนในขณะนี้ แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองอยู่บ้างแต่นักลงทุนยังมั่นใจด้วยศักยภาพการลงทุนในไทยที่จัดว่าเป็นฐานผลิตที่มีความแข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน และการมีแรงงานที่มีศักยภาพ รวมทั้งการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาบุคลากรขั้นสูง เพื่อเร่งป้อนแรงงานระดับฝีมือเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น อาทิ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม"
หลังจากที่บริษัทยักษ์ใหญ่ตัดสินใจ เข้ามาลงทุนในพื้นที่นิคมอมตะฯ บริษัทได้เตรียมแผนการดำเนินงานในการเจรจา ดึงบริษัทซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่นิคมอมตะฯเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายป้อนชิ้นส่วนและอะไหล่ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มอีกในอนาคต และ จะเร่งผลักดันให้พื้นที่การลงทุนของ อมตะฯเข้าสู่การลงทุนที่สมบูรณ์แบบมีความเชื่อมโยงเป็นกลุ่มคลัสเตอร์มากขึ้น ซึ่งจะทำให้อมตะก้าวขึ้นสู่ศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ขณะนี้พื้นที่นิคมอมตะฯ เป็นพื้นที่มีศักยภาพในการเป็นฐานผลิตอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่ได้มาตรฐานและตรงความต้องการของลูกค้า พร้อมที่จะป้อนสู่โรงงานในนิคมได้อย่างเพียงพอ ทั้งการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่รุ่นพิเศษ และรถจักรยานยนต์ขนาดทั่วไป
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าสถานการณ์ที่ดีขึ้นและการกลับเข้ามาของนักลงทุน จะส่งผลให้อมตะฯสามารถทำยอดขายที่ดิน ในปี 2553 เป็นไปตามเป้าหมาย 900 ไร่อย่างแน่นอน โดยปัจจุบันนักลงทุนที่เข้า มาลงทุนในนิคมส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุน ญี่ปุ่นกว่า 60% และ 30% เป็นนักลงทุนไทยและส่วนที่เหลือก็กระจายตัวกว่า 20 ประเทศ
เพิ่มเติม http://www.prachachat.net
Victory Motorcycles reminds me of Canada. Few people in the USA pay much attention to the nearly invisible Canucks, just as Victory cruisers are roundly overlooked by America's steadfast allegiance to Harley-Davidsons. You have a better chance of seeing a limited-edition CVO Harley on the road than you will riding alongside any Victory model made in the firm’s 13-year history.
But lest you think Victory might be going the way of the Dodo bird (or Buell, R.I.P….), you should be aware that sales of the Polaris Industries spin-off were up 48% in the second quarter of 2010, despite a lackluster economy and a general shrinking of the two-wheel market – the 1400-plus-cc market is down 14% in North America this year. It was also Victory’s third consecutive quarter of increased market share and retail sales, thanks in large part to the successful Cross Country and Cross Roads light-tourers introduced late in 2009. In international markets, Victory sales are up 25%.
And for 2011 Victory continues to evolve its lineup via several engineering improvements, including the adoption of the 106 cubic-inch V-Twin across Vic’s entire lineup. The 106/6 was previously available only on the Vision, Hammer, Jackpot and the hot-rod Vegas LE).
The 106-incher comes in two states of tune. The Stage 1 version in Victory’s touring lineup produces a claimed 92 hp and 109 ft-lbs of torque. The cruisers receive the slightly hotter Stage 2 iteration with lumpier cams claiming 97 hp and 113 ft-lbs. Victory Engineering’s James Holroyd notes that the enlarged 1731cc motor offers 14% more horsepower at no increase in price. We can get behind a program like that!
Upgrades to Victory’s powertrain also include a totally re-worked 6-speed transmission that promises smoother shifting, easier neutral access, and 100,000-mile durability.
The 2011 Cross Roads, like all new Victorys, receives a totally redesigned 6-speed transmission with a neutral-assist feature. Gear whine in 4th and 6th gears is dramatically hushed. zz
Victory claims a 66% decrease in driveline lash via the use of “hi-lo dog/pocket” design, and alternating heights of the gear dogs are said to result in a better fill of pockets while increasing the likelihood of engagement. Shift forks have been redesigned for increased bending resistance, and selector drum tracks have been reprofiled to ease shifting. Durability is upped thanks to a larger bearings and wider gear-sets for 4th and 6th gears. A Neutral Selection Assist feature eases access to neutral even after clutch degradation, helping extend the range for oil service from 3,000 miles to 5,000.
But more importantly, Victory has alleviated the annoying whine from the previous tranny’s spur-type gears by employing new helical-cut gears. These reduce noise dramatically, a significant 6 to 10 dBA, depending on which gear is chosen, now allowing Victory’s touring models to meet Euro noise regs. The quieter gears (including a primary-drive gear-tooth geometry tweak) have a nice side benefit of letting engineers hog out the size of the exhaust’s outlet tips to emit a more satisfying rumble from the tailpipe.
Although Victory didn’t release any fully new models for 2011, several updates have spread through the line in addition to the 106-cube motor and reworked transmission. Here’s a list of this year’s upgrades.
But lest you think Victory might be going the way of the Dodo bird (or Buell, R.I.P….), you should be aware that sales of the Polaris Industries spin-off were up 48% in the second quarter of 2010, despite a lackluster economy and a general shrinking of the two-wheel market – the 1400-plus-cc market is down 14% in North America this year. It was also Victory’s third consecutive quarter of increased market share and retail sales, thanks in large part to the successful Cross Country and Cross Roads light-tourers introduced late in 2009. In international markets, Victory sales are up 25%.
Victory’s 106 cubic-inch V-Twin is now standard equipment across the lineup, as is a redesigned 6-speed transmission.
And for 2011 Victory continues to evolve its lineup via several engineering improvements, including the adoption of the 106 cubic-inch V-Twin across Vic’s entire lineup. The 106/6 was previously available only on the Vision, Hammer, Jackpot and the hot-rod Vegas LE).
The 106-incher comes in two states of tune. The Stage 1 version in Victory’s touring lineup produces a claimed 92 hp and 109 ft-lbs of torque. The cruisers receive the slightly hotter Stage 2 iteration with lumpier cams claiming 97 hp and 113 ft-lbs. Victory Engineering’s James Holroyd notes that the enlarged 1731cc motor offers 14% more horsepower at no increase in price. We can get behind a program like that!
Upgrades to Victory’s powertrain also include a totally re-worked 6-speed transmission that promises smoother shifting, easier neutral access, and 100,000-mile durability.
The 2011 Cross Roads, like all new Victorys, receives a totally redesigned 6-speed transmission with a neutral-assist feature. Gear whine in 4th and 6th gears is dramatically hushed. zz
Victory claims a 66% decrease in driveline lash via the use of “hi-lo dog/pocket” design, and alternating heights of the gear dogs are said to result in a better fill of pockets while increasing the likelihood of engagement. Shift forks have been redesigned for increased bending resistance, and selector drum tracks have been reprofiled to ease shifting. Durability is upped thanks to a larger bearings and wider gear-sets for 4th and 6th gears. A Neutral Selection Assist feature eases access to neutral even after clutch degradation, helping extend the range for oil service from 3,000 miles to 5,000.
But more importantly, Victory has alleviated the annoying whine from the previous tranny’s spur-type gears by employing new helical-cut gears. These reduce noise dramatically, a significant 6 to 10 dBA, depending on which gear is chosen, now allowing Victory’s touring models to meet Euro noise regs. The quieter gears (including a primary-drive gear-tooth geometry tweak) have a nice side benefit of letting engineers hog out the size of the exhaust’s outlet tips to emit a more satisfying rumble from the tailpipe.
Although Victory didn’t release any fully new models for 2011, several updates have spread through the line in addition to the 106-cube motor and reworked transmission. Here’s a list of this year’s upgrades.
1966 Veocette Thruxton
Price: 32,513 USD (24,000 EUR)
Year: 1966 Location: Europe
Mileage: 100 ml (161 km)
Frame N.: Upon request
Engine N.: Upon request
Colour: Silver
Interior: -
In 1965 the Velocette factory optimised its product range introducing one of the most rapid 500 of that time (over 190 km/h), the 500 “Thruxton”. This bike was developed in memoriam of the Velocette that won the prestigious endurance race, the “500 miles of Thruxton”. With only a thousand of samples constructed from 1965 to 1967.
The here presented Velocette Thruxton is entirely original (VMT) and underwent a complete restoration in 2004 / 05 by the British specialist Steve Tonkin. The bike has only run a 100 miles since its restoration.
This is one of the most mythical, most beautiful and most rapid British motorcycles of the 60s and one of the most sought after by collectors.
1966 Velocette Thruxton for sale. Fully original (VMT), entirely restored in 2004/05 by Steve Tonkin. Hardly run since. Available in Spain including British registration and Thruxton Machine.
Thruxton, Velocette Thruxton, Velocette, Racing Bikes, Classic, Road Bikes, Motorcycle, Aermacchi Harley-Davidson, AJS, Aprilia, Benelli, Bimota, Boss Hoss, BSA, Cagiva, CZ, Ducati, Egli-Vincent, Gilera, Harley-Davidson, Honda, Indian, Jawa, Kawasaki, Laverda, Maico, Mondial, Moto Guzzi, Motobécane, MV Agusta, Norton, NSU, Parilla, Rickman, Rickman Aermacchi, Royal Enfield, Rumi, Sanvenero, Suzuki, Triumph, Velocette, Villa, Vincent, Yamaha
The here presented Velocette Thruxton is entirely original (VMT) and underwent a complete restoration in 2004 / 05 by the British specialist Steve Tonkin. The bike has only run a 100 miles since its restoration.
This is one of the most mythical, most beautiful and most rapid British motorcycles of the 60s and one of the most sought after by collectors.
1966 Velocette Thruxton for sale. Fully original (VMT), entirely restored in 2004/05 by Steve Tonkin. Hardly run since. Available in Spain including British registration and Thruxton Machine.
Thruxton, Velocette Thruxton, Velocette, Racing Bikes, Classic, Road Bikes, Motorcycle, Aermacchi Harley-Davidson, AJS, Aprilia, Benelli, Bimota, Boss Hoss, BSA, Cagiva, CZ, Ducati, Egli-Vincent, Gilera, Harley-Davidson, Honda, Indian, Jawa, Kawasaki, Laverda, Maico, Mondial, Moto Guzzi, Motobécane, MV Agusta, Norton, NSU, Parilla, Rickman, Rickman Aermacchi, Royal Enfield, Rumi, Sanvenero, Suzuki, Triumph, Velocette, Villa, Vincent, Yamaha
Thursday, August 19, 2010
Privacy Policy for http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/
If you require any more information or have any questions about our privacy policy, please feel free to contact us by email at kiyepcakep@yahoo.com.
At http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/, the privacy of our visitors is of extreme importance to us. This privacy policy document outlines the types of personal information is received and collected by http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ and how it is used.
Log Files
Like many other Web sites, http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ makes use of log files. The information inside the log files includes internet protocol ( IP ) addresses, type of browser, Internet Service Provider ( ISP ), date/time stamp, referring/exit pages, and number of clicks to analyze trends, administer the site, track user’s movement around the site, and gather demographic information. IP addresses, and other such information are not linked to any information that is personally identifiable.
Cookies and Web Beacons
http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ does use cookies to store information about visitors preferences, record user-specific information on which pages the user access or visit, customize Web page content based on visitors browser type or other information that the visitor sends via their browser.
DoubleClick DART Cookie
.:: Google, as a third party vendor, uses cookies to serve ads on http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/.
.:: Google's use of the DART cookie enables it to serve ads to users based on their visit to http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ and other sites on the Internet.
.:: Users may opt out of the use of the DART cookie by visiting the Google ad and content network privacy policy at the following URL - http://www.google.com/privacy_ads.html
Some of our advertising partners may use cookies and web beacons on our site. Our advertising partners include ....
Google Adsense
These third-party ad servers or ad networks use technology to the advertisements and links that appear on http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ send directly to your browsers. They automatically receive your IP address when this occurs. Other technologies ( such as cookies, JavaScript, or Web Beacons ) may also be used by the third-party ad networks to measure the effectiveness of their advertisements and / or to personalize the advertising content that you see.
http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ has no access to or control over these cookies that are used by third-party advertisers.
You should consult the respective privacy policies of these third-party ad servers for more detailed information on their practices as well as for instructions about how to opt-out of certain practices. http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/'s privacy policy does not apply to, and we cannot control the activities of, such other advertisers or web sites.
If you wish to disable cookies, you may do so through your individual browser options. More detailed information about cookie management with specific web browsers can be found at the browsers' respective websites.
If you require any more information or have any questions about our privacy policy, please feel free to contact us by email at kiyepcakep@yahoo.com.
At http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/, the privacy of our visitors is of extreme importance to us. This privacy policy document outlines the types of personal information is received and collected by http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ and how it is used.
Log Files
Like many other Web sites, http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ makes use of log files. The information inside the log files includes internet protocol ( IP ) addresses, type of browser, Internet Service Provider ( ISP ), date/time stamp, referring/exit pages, and number of clicks to analyze trends, administer the site, track user’s movement around the site, and gather demographic information. IP addresses, and other such information are not linked to any information that is personally identifiable.
Cookies and Web Beacons
http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ does use cookies to store information about visitors preferences, record user-specific information on which pages the user access or visit, customize Web page content based on visitors browser type or other information that the visitor sends via their browser.
DoubleClick DART Cookie
.:: Google, as a third party vendor, uses cookies to serve ads on http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/.
.:: Google's use of the DART cookie enables it to serve ads to users based on their visit to http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ and other sites on the Internet.
.:: Users may opt out of the use of the DART cookie by visiting the Google ad and content network privacy policy at the following URL - http://www.google.com/privacy_ads.html
Some of our advertising partners may use cookies and web beacons on our site. Our advertising partners include ....
Google Adsense
These third-party ad servers or ad networks use technology to the advertisements and links that appear on http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ send directly to your browsers. They automatically receive your IP address when this occurs. Other technologies ( such as cookies, JavaScript, or Web Beacons ) may also be used by the third-party ad networks to measure the effectiveness of their advertisements and / or to personalize the advertising content that you see.
http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/ has no access to or control over these cookies that are used by third-party advertisers.
You should consult the respective privacy policies of these third-party ad servers for more detailed information on their practices as well as for instructions about how to opt-out of certain practices. http://modifications-topmotorcycle.blogspot.com/'s privacy policy does not apply to, and we cannot control the activities of, such other advertisers or web sites.
If you wish to disable cookies, you may do so through your individual browser options. More detailed information about cookie management with specific web browsers can be found at the browsers' respective websites.
Wednesday, August 18, 2010
Tuesday, August 17, 2010
Successful and deadly, Sturgis counts the numbers
Tuesday, 17 August 2010 | Written by Digits | Print | E-mail
Although the official attendance numbers for the legendary motorcycle rally won’t be known for about a month, a deadly statistic has Sturgis officials agreeing that it was a deadly year for accidents.
With the ten year average being four to five fatal accidents, the nine motorcycle deaths during the event which just wrapped up surprised many. The famous motorcycle rally ended on Sunday August 1th, leaving behind nine deaths in the Black Hills which included Sturgis, Rapid City, the southern part of the Black Hills and the Badlands.
One reason being given for the increased number of fatalities is the sheer number of riders who came to enjoy the 70th anniversary of Sturgis. Estimates are placing the number at 600,000, well above last year's estimated total of 442,000.
If this year’s estimate holds true, the attendance could rival that of the rally’s record year which was coincidentally 660,000 when Sturgis celebrated its 60th anniversary.
Statewide statistics will be released later today.
Fewer attendees were arrested for drunken driving but more were made for drug violations. The number of citations dropped however with 1,442 riders being written up compared to 1,803 last year.
Tuesday, 17 August 2010 | Written by Digits | Print | E-mail
Although the official attendance numbers for the legendary motorcycle rally won’t be known for about a month, a deadly statistic has Sturgis officials agreeing that it was a deadly year for accidents.
With the ten year average being four to five fatal accidents, the nine motorcycle deaths during the event which just wrapped up surprised many. The famous motorcycle rally ended on Sunday August 1th, leaving behind nine deaths in the Black Hills which included Sturgis, Rapid City, the southern part of the Black Hills and the Badlands.
One reason being given for the increased number of fatalities is the sheer number of riders who came to enjoy the 70th anniversary of Sturgis. Estimates are placing the number at 600,000, well above last year's estimated total of 442,000.
If this year’s estimate holds true, the attendance could rival that of the rally’s record year which was coincidentally 660,000 when Sturgis celebrated its 60th anniversary.
Statewide statistics will be released later today.
Fewer attendees were arrested for drunken driving but more were made for drug violations. The number of citations dropped however with 1,442 riders being written up compared to 1,803 last year.
ASSOCIATED PRESS, MILWAUKEE - It's the roar that made Milwaukee famous -- the distinctive throaty rumble of a Harley-Davidson motorcycle. But that much-loved racket could be rumbling away to another state if the company cannot bring down its labor costs.
Harley-Davidson warned employees in April that it will move its Wisconsin manufacturing operations elsewhere if it cannot cut millions of dollars at the factories that build the bikes known as "Milwaukee Iron."
Harley's corporate headquarters would remain here, but that's small consolation to a community that has already endured repeated blows to its civic identity.
Become a fan of FOX6Now.com on Facebook
"When you think of Milwaukee you think of beer, brats and Harley-Davidson," said Steve Daily, a researcher at the Milwaukee County Historical Society. "Right or wrong, that's what it is."
But that's been changing. For example, beer giant Miller Brewing Co. moved its headquarters to Chicago in 2008 after merging with Molson Coors Brewing Co. Then there was Schlitz, which billed itself as "the beer that made Milwaukee famous" until financial and labor problems forced it to sell out to a Detroit company in the 1980s.
That leaves Harley-Davidson Inc. as the city's lone signature brand. It's also a magnet for tourists, many of whom want to visit the factories where Harley engines are made.
"We get asked frequently where the plants are," said Paul Upchurch, the president of the VISIT Milwaukee tourism bureau. "A lot of people around the world associate Milwaukee with the home of Harley."
Harley chief executive Keith Wandell said the company will make its decision on whether to move in the next two months. Harley executives are already scouting out other states, though Wandell will not say which ones.
The company, he said, would also be open to incentives to keep the 1,630 manufacturing jobs in Wisconsin. But the idea that it could move production elsewhere stuns many Harley loyalists.
"You can't describe it. They've got so much history here. They've just become the blood of the community," said Tom Steepy, a lifelong rider and the director of the suburban Milwaukee chapter of the Harley Owners Group, or HOG. "If they moved their manufacturing, it would just create a void you can't fill."
Harley has been a local fixture for more than a century. It all started in 1903 when 23-year old William S. Harley and 22-year old Arthur Davidson began selling motorcycles built in a cramped wooden shed.
The company later built motorcycles for the U.S. military in both world wars, which helped introduce the bikes to a global audience that saw them as an American icon.
"They symbolize the classic American values of independence and hard work, freedom, all those values," said Kanti Prasad, a marketing professor at the University of Wisconsin-Milwaukee business school. "Harley-Davidson is a uniquely American phenomenon."
And a Milwaukee phenomenon. Prasad said when he travels to Europe, China or Japan most people respond blankly when he says he's from Milwaukee. Then he points out it's Harley's hometown and their faces light up with recognition.
As storied a company as Harley has been, it's weathered some rough spots, too, most notably in 1984, when a banker had the option of allowing the company to refinance a $90 million loan or forcing them to declare bankruptcy.
At the last minute, the banker allowed the company to refinance. According to the story, it's because he owned a Harley.
The famed motorcycles have also had a long history with Hollywood. They've appeared in films from "Easy Rider" to the more recent "Simpsons" movie. Elvis Presley rode one. And so did the Fonz in "Happy Days" -- the classic TV sitcom that was set in Milwaukee.
So if the Milwaukee-Harley marriage is so solid, how could the company even think of straying?
Company spokesman Bob Klein said Harley wants to remain faithful, but its production schedule needs to be more closely aligned with seasonal demand, a change that would require approval from labor unions.
Negotiations with the unions began in late July. The president of Harley's largest union did not return multiple messages seeking comment.
Prasad, the UW-Milwaukee professor, doesn't see Harley's threat to move simply as a negotiating tactic. A company with a 107-year history is more concerned with the next 100 years than with making idle threats to extract short-term advantages, he said.
Harley benefits the city's image and its bottom line. When the company turned 105 two years ago, some 100,000 fans from around the world joined the Milwaukee celebration.
But even if Harley's production goes elsewhere, there's still a tourist draw here -- the popular Harley-Davidson Museum. Whether that's enough to help Milwaukee cling to the brand that keeps it on the map is another question.
Either way, the loss of Harley production would be another painful drop of water in the erosion of the city's proud working-class history, Milwaukee historian John Gurda said.
"It's important to have that identity. You need a certain level of civic self-confidence," Gurda said. "And Harley-Davidson, that's a brand that's been imprinted on America's imagination unlike any other Milwaukee-made product."
Harley-Davidson warned employees in April that it will move its Wisconsin manufacturing operations elsewhere if it cannot cut millions of dollars at the factories that build the bikes known as "Milwaukee Iron."
Harley's corporate headquarters would remain here, but that's small consolation to a community that has already endured repeated blows to its civic identity.
Become a fan of FOX6Now.com on Facebook
"When you think of Milwaukee you think of beer, brats and Harley-Davidson," said Steve Daily, a researcher at the Milwaukee County Historical Society. "Right or wrong, that's what it is."
But that's been changing. For example, beer giant Miller Brewing Co. moved its headquarters to Chicago in 2008 after merging with Molson Coors Brewing Co. Then there was Schlitz, which billed itself as "the beer that made Milwaukee famous" until financial and labor problems forced it to sell out to a Detroit company in the 1980s.
That leaves Harley-Davidson Inc. as the city's lone signature brand. It's also a magnet for tourists, many of whom want to visit the factories where Harley engines are made.
"We get asked frequently where the plants are," said Paul Upchurch, the president of the VISIT Milwaukee tourism bureau. "A lot of people around the world associate Milwaukee with the home of Harley."
Harley chief executive Keith Wandell said the company will make its decision on whether to move in the next two months. Harley executives are already scouting out other states, though Wandell will not say which ones.
The company, he said, would also be open to incentives to keep the 1,630 manufacturing jobs in Wisconsin. But the idea that it could move production elsewhere stuns many Harley loyalists.
"You can't describe it. They've got so much history here. They've just become the blood of the community," said Tom Steepy, a lifelong rider and the director of the suburban Milwaukee chapter of the Harley Owners Group, or HOG. "If they moved their manufacturing, it would just create a void you can't fill."
Harley has been a local fixture for more than a century. It all started in 1903 when 23-year old William S. Harley and 22-year old Arthur Davidson began selling motorcycles built in a cramped wooden shed.
The company later built motorcycles for the U.S. military in both world wars, which helped introduce the bikes to a global audience that saw them as an American icon.
"They symbolize the classic American values of independence and hard work, freedom, all those values," said Kanti Prasad, a marketing professor at the University of Wisconsin-Milwaukee business school. "Harley-Davidson is a uniquely American phenomenon."
And a Milwaukee phenomenon. Prasad said when he travels to Europe, China or Japan most people respond blankly when he says he's from Milwaukee. Then he points out it's Harley's hometown and their faces light up with recognition.
As storied a company as Harley has been, it's weathered some rough spots, too, most notably in 1984, when a banker had the option of allowing the company to refinance a $90 million loan or forcing them to declare bankruptcy.
At the last minute, the banker allowed the company to refinance. According to the story, it's because he owned a Harley.
The famed motorcycles have also had a long history with Hollywood. They've appeared in films from "Easy Rider" to the more recent "Simpsons" movie. Elvis Presley rode one. And so did the Fonz in "Happy Days" -- the classic TV sitcom that was set in Milwaukee.
So if the Milwaukee-Harley marriage is so solid, how could the company even think of straying?
Company spokesman Bob Klein said Harley wants to remain faithful, but its production schedule needs to be more closely aligned with seasonal demand, a change that would require approval from labor unions.
Negotiations with the unions began in late July. The president of Harley's largest union did not return multiple messages seeking comment.
Prasad, the UW-Milwaukee professor, doesn't see Harley's threat to move simply as a negotiating tactic. A company with a 107-year history is more concerned with the next 100 years than with making idle threats to extract short-term advantages, he said.
Harley benefits the city's image and its bottom line. When the company turned 105 two years ago, some 100,000 fans from around the world joined the Milwaukee celebration.
But even if Harley's production goes elsewhere, there's still a tourist draw here -- the popular Harley-Davidson Museum. Whether that's enough to help Milwaukee cling to the brand that keeps it on the map is another question.
Either way, the loss of Harley production would be another painful drop of water in the erosion of the city's proud working-class history, Milwaukee historian John Gurda said.
"It's important to have that identity. You need a certain level of civic self-confidence," Gurda said. "And Harley-Davidson, that's a brand that's been imprinted on America's imagination unlike any other Milwaukee-made product."
"รอสซี" เผยปิดจ็อบยามาฮ่าแล้ว
"เดอะด็อกเตอร์" วาเลนติโน รอสซี แชมป์โลกเวิลด์ จีพี 9 สมัย เผยเหตุที่ตัดสินใจย้ายออกจากทีมเฟียต-ยามาฮ่า ว่าเป็นเพราะงานทุกอย่างของตนเองกับทีมแข่งแดนปลาดิบเสร็จสิ้นลงแล้ว และทีมก็ดูจะไม่ต้องการเก็บตนเองไว้ในอีกต่อไป
ยอดนักบิดอิตาเลียนตัดสินใจอำลาทีมเฟียต-ยามาฮ่า หลังจบฤดูกาลนี้ ด้วยการเซ็นสัญญาล่วงหน้า 2 ปี ย้ายร่วมทีมดูคาติในฤดูกาล 2011 โดยล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดใจอีกครั้งถึงสาเหตุการอำลาทีมแข่งเลือดซามูไรไปซิ่งกับทีมบ้านเกิด
"ผมมีความสุขที่ได้แสวงหาความท้าทายใหม่ๆ โดยฉพาะอย่างยิ่งกับผลงานที่ผมทำให้ยามาฮ่าในช่วงที่ผ่านมา ผมคิดว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบแล้ว เราทำให้ทีมกลายเป็นทีมหัวแถวของโมโตจีพีนับจากปี 2004 เป็นต้นมา เวลานี้พวกเขาสามารถเฟ้นหานักแข่งดีๆได้มากมาย โดยที่ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องมีผมอีกต่อไป" รอสซีเผย
พร้อมกันนี้ยอดนักบิดวัย 31 ปี ยังเผยถึงการได้ร่วมทีมสัญญาบ้านเกิดอย่างดูคาติเป็นครั้งแรกว่า "การมีนักบิดอิตาเลียนอยู่ในทีมอิตาเลียนคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะกับแฟนๆในอิตาลี ผมมั่นใจว่ามันจะเรียกกระแสจากแฟนๆอิตาเลียนได้อีกพอสมควร"
สำหรับรอสซีมีคิวบิดทิ้งท้ายกับเฟียต-ยามาฮ่า อีก 8 เรซสุดท้าย โดยศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพี สนามต่อไป จะแข่งขันกันในศึกอินเดียนาโปลิส กรังด์ปรีซ์ ที่สหรัฐเมริกา วันที่ 29 สิงหาคม นี้
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th
ยอดนักบิดอิตาเลียนตัดสินใจอำลาทีมเฟียต-ยามาฮ่า หลังจบฤดูกาลนี้ ด้วยการเซ็นสัญญาล่วงหน้า 2 ปี ย้ายร่วมทีมดูคาติในฤดูกาล 2011 โดยล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดใจอีกครั้งถึงสาเหตุการอำลาทีมแข่งเลือดซามูไรไปซิ่งกับทีมบ้านเกิด
"ผมมีความสุขที่ได้แสวงหาความท้าทายใหม่ๆ โดยฉพาะอย่างยิ่งกับผลงานที่ผมทำให้ยามาฮ่าในช่วงที่ผ่านมา ผมคิดว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบแล้ว เราทำให้ทีมกลายเป็นทีมหัวแถวของโมโตจีพีนับจากปี 2004 เป็นต้นมา เวลานี้พวกเขาสามารถเฟ้นหานักแข่งดีๆได้มากมาย โดยที่ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องมีผมอีกต่อไป" รอสซีเผย
พร้อมกันนี้ยอดนักบิดวัย 31 ปี ยังเผยถึงการได้ร่วมทีมสัญญาบ้านเกิดอย่างดูคาติเป็นครั้งแรกว่า "การมีนักบิดอิตาเลียนอยู่ในทีมอิตาเลียนคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะกับแฟนๆในอิตาลี ผมมั่นใจว่ามันจะเรียกกระแสจากแฟนๆอิตาเลียนได้อีกพอสมควร"
สำหรับรอสซีมีคิวบิดทิ้งท้ายกับเฟียต-ยามาฮ่า อีก 8 เรซสุดท้าย โดยศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพี สนามต่อไป จะแข่งขันกันในศึกอินเดียนาโปลิส กรังด์ปรีซ์ ที่สหรัฐเมริกา วันที่ 29 สิงหาคม นี้
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th
‘ฮอนด้า’ กับกลยุทธ์การตลาด 3 ผสาน
กระแสฟุตบอลฟีเวอร์ต่อเนื่องจริงๆ นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้จบไป ตามมาด้วยบรรดาฟุตบอลลีกของประเทศต่างๆ ที่เริ่มบรรเลงเพลงแตะกันแล้ว และยังมีฟุตบอลในไทยบ้านเรา “ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก” ที่กระหึมในใจของแฟนลูกหนังชาวไทย ทำให้ปีนี้กลุ่มธุรกิจต่างอิงกระแส งัดกลยุทธ์ Sport Marketing มาจับลูกค้ากันเป็นแถว โดยเฉพาะธุรกิจขายรถจักรยานยนต์ แต่เรื่องนี้ดูเหมือนเจ้าตลาด “ฮอนด้า” จะก้าวไม่ทันคู่แข่งเท่าไหร่นัก ส่วนเป็นเพราะสาเหตุอะไร?... “จิอากิ คาโต” ประธานกรรมบริหารคนใหม่ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด มาเป็นผู้ให้คำตอบ…
ทิศทางการทำตลาดจยย.ฮอนด้าปีนี้
ทุกกลยุทธ์ทางการตลาดของฮอนด้า มุ่งเน้นสร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้รถ และการสื่อสารการตลาด หรือแผนประชาสัมพันธ์ต่างๆ ฮอนด้ามุ่งเน้นและรุกทำกิจกรรมสานต่อไลฟ์สไตล์ความสนุกของวัยรุ่นเป็นหลัก เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของวัยรุ่นยุคใหม่ เช่น กิจกรรม “สกุ๊ปปี้ ดี-เดย์” ร่วมกับร้านผู้จำหน่าย และจากความที่ฮอนด้ามีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง และครอบคลุมทั่วประเทศ ถือเป็นตัวผลักดันหลักที่ทำให้ฮอนด้าเป็นที่ 1 มากกว่า 20 ปี
กิจกรรมตลาดที่เห็นเป็นรูปธรรมชัด
วิธีการทำตลาดฮอนด้ายังคงเน้น เรื่องของ Target Marketing Relation Marketing เป็นหลัก โดยมีกิจกรรม 3 อย่าง คือ Music, Sport และ Lifestyle Marketing เป็นเครื่องมือหลักเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ช่วงนี้ ‘Sport Marketing’ มาแรง
ฮอนด้ามองที่กลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก จึงจัดกิจกรรมแตกต่างกันไปครบทุกกลุ่มลูกค้า อย่างช่วงฟุตบอลโลกฮอนด้าได้ออกแคมเปญ “เกาะติดทีมชาติอังกฤษ ลุ้นโชคทุกรอบกับ สกู๊ปปี้ ไอ” ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก คูปองที่ส่งมาร่วมสนุกในแคมเปญนี้เยอะมากกว่า 1.5 ล้านใบ อาจเป็นเพราะของรางวัลที่นำเสนอมูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท รวมทั้งการผลักดันของผู้จำหน่าย ทำให้เราได้รับชิ้นส่วนมากมายขนาดนี้ แต่สิ่งที่ฮอนด้าถือว่าประสบความสำเร็จที่สุด คือ จำนวนคนที่เราสามารถดึงเข้าไปในร้านผู้จำหน่ายได้ด้วย เป็นการสร้างโอกาสขายให้ดีลเลอร์
กิจกรรมการตลาดอื่นๆ ที่จัดปีนี้
Music Marketing เราก็ให้ความสำคัญ ล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฮอนด้าได้จัดกิจกรรมเทศกาลดนตรีริมทะเลชายหาดชะอำ “Honda Scoopy i Reggae on the Rock “ ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการส่งมอบความสุขให้ทั้งผู้ใช้รถฮอนด้าและประชาชนผู้สนใจทั่วไป งานนี้ประสบความสำเร็จเช่นกัน ได้รับการตอบรับสูงและมากกว่าปีที่แล้วเกือบสามเท่าตัว หรือมีผู้มาชมคอนเสิร์ตปีนี้กว่า 3 แสนคัน ทำให้เกิดการกระจายรายได้ลงพื้นที่ช่วงดังกล่าวกว่า 150 ล้านบาท นอกจากนี้ก็จะมีกิจกรรมอีกหลากหลายตลอดทั้งปี อย่างเช่น “สกู๊ปปี้ ดี-เดย์” ที่จัดได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ผลิตภัณฑ์ใหม่ฮอนด้าสู่ตลาด
ฮอนด้าจะไม่หยุดในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด ดังจะเห็นได้จากการเปลี่ยนสายการผลิตรถทุกรุ่นของฮอนด้าให้เป็นระบบหัวฉีด PGM-FI เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และในช่วงปลายปีนี้ฮอนด้าจะมีรถสปอร์ตออกวางจำหน่าย ซึ่งจะเป็นการผลิตและส่งออกไปทั่วโลก เหมือนกับฮอนด้ารุ่น PC-X ที่ผลิตและเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ส่วนบิ๊กไบค์ฮอนด้ากำลังอยู่ในช่วงพิจารณาถึงความเหมาะสม น่าจะมีความชัดเจนในต้นปีหน้า
ตั้งเป้าจากการรุกตลาดปีนี้กี่คัน
คาดการณ์แนวโน้มตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงร้อนแรง จากการแข่งขันทางการตลาดที่ดุเดือด เนื่องจากทุกค่ายผู้ผลิตโฆมอัดกลยุทธ์ส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ และเร่งเปิดตัวรุ่นใหม่ แต่จากกลยุทธ์การตลาดที่วางไว้ฮอนด้ามั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายได้กว่า 1.22 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากภาพรวมตลาดทั้งหมดอยู่ที่ 1.78 ล้านคัน หรือฮอนด้ามีส่วนแบ่งการตลาด 69%
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/
ทิศทางการทำตลาดจยย.ฮอนด้าปีนี้
ทุกกลยุทธ์ทางการตลาดของฮอนด้า มุ่งเน้นสร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้รถ และการสื่อสารการตลาด หรือแผนประชาสัมพันธ์ต่างๆ ฮอนด้ามุ่งเน้นและรุกทำกิจกรรมสานต่อไลฟ์สไตล์ความสนุกของวัยรุ่นเป็นหลัก เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของวัยรุ่นยุคใหม่ เช่น กิจกรรม “สกุ๊ปปี้ ดี-เดย์” ร่วมกับร้านผู้จำหน่าย และจากความที่ฮอนด้ามีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง และครอบคลุมทั่วประเทศ ถือเป็นตัวผลักดันหลักที่ทำให้ฮอนด้าเป็นที่ 1 มากกว่า 20 ปี
กิจกรรมตลาดที่เห็นเป็นรูปธรรมชัด
วิธีการทำตลาดฮอนด้ายังคงเน้น เรื่องของ Target Marketing Relation Marketing เป็นหลัก โดยมีกิจกรรม 3 อย่าง คือ Music, Sport และ Lifestyle Marketing เป็นเครื่องมือหลักเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ช่วงนี้ ‘Sport Marketing’ มาแรง
ฮอนด้ามองที่กลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก จึงจัดกิจกรรมแตกต่างกันไปครบทุกกลุ่มลูกค้า อย่างช่วงฟุตบอลโลกฮอนด้าได้ออกแคมเปญ “เกาะติดทีมชาติอังกฤษ ลุ้นโชคทุกรอบกับ สกู๊ปปี้ ไอ” ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก คูปองที่ส่งมาร่วมสนุกในแคมเปญนี้เยอะมากกว่า 1.5 ล้านใบ อาจเป็นเพราะของรางวัลที่นำเสนอมูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท รวมทั้งการผลักดันของผู้จำหน่าย ทำให้เราได้รับชิ้นส่วนมากมายขนาดนี้ แต่สิ่งที่ฮอนด้าถือว่าประสบความสำเร็จที่สุด คือ จำนวนคนที่เราสามารถดึงเข้าไปในร้านผู้จำหน่ายได้ด้วย เป็นการสร้างโอกาสขายให้ดีลเลอร์
กิจกรรมการตลาดอื่นๆ ที่จัดปีนี้
Music Marketing เราก็ให้ความสำคัญ ล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฮอนด้าได้จัดกิจกรรมเทศกาลดนตรีริมทะเลชายหาดชะอำ “Honda Scoopy i Reggae on the Rock “ ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการส่งมอบความสุขให้ทั้งผู้ใช้รถฮอนด้าและประชาชนผู้สนใจทั่วไป งานนี้ประสบความสำเร็จเช่นกัน ได้รับการตอบรับสูงและมากกว่าปีที่แล้วเกือบสามเท่าตัว หรือมีผู้มาชมคอนเสิร์ตปีนี้กว่า 3 แสนคัน ทำให้เกิดการกระจายรายได้ลงพื้นที่ช่วงดังกล่าวกว่า 150 ล้านบาท นอกจากนี้ก็จะมีกิจกรรมอีกหลากหลายตลอดทั้งปี อย่างเช่น “สกู๊ปปี้ ดี-เดย์” ที่จัดได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ผลิตภัณฑ์ใหม่ฮอนด้าสู่ตลาด
ฮอนด้าจะไม่หยุดในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด ดังจะเห็นได้จากการเปลี่ยนสายการผลิตรถทุกรุ่นของฮอนด้าให้เป็นระบบหัวฉีด PGM-FI เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และในช่วงปลายปีนี้ฮอนด้าจะมีรถสปอร์ตออกวางจำหน่าย ซึ่งจะเป็นการผลิตและส่งออกไปทั่วโลก เหมือนกับฮอนด้ารุ่น PC-X ที่ผลิตและเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ส่วนบิ๊กไบค์ฮอนด้ากำลังอยู่ในช่วงพิจารณาถึงความเหมาะสม น่าจะมีความชัดเจนในต้นปีหน้า
ตั้งเป้าจากการรุกตลาดปีนี้กี่คัน
คาดการณ์แนวโน้มตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงร้อนแรง จากการแข่งขันทางการตลาดที่ดุเดือด เนื่องจากทุกค่ายผู้ผลิตโฆมอัดกลยุทธ์ส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ และเร่งเปิดตัวรุ่นใหม่ แต่จากกลยุทธ์การตลาดที่วางไว้ฮอนด้ามั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายได้กว่า 1.22 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากภาพรวมตลาดทั้งหมดอยู่ที่ 1.78 ล้านคัน หรือฮอนด้ามีส่วนแบ่งการตลาด 69%
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/
Saturday, August 14, 2010
เปโดรซา" โพลฯเช็กจีพี "รอสซี" ล้ม
ดานี เปโดรซา ยอดนักบิดทีมเรปโซลฮอนด้า มีลุ้นลดช่องห่างจากฮอร์เก ลอเรนโซ ในตารางคะแนนรุ่นโมโตจีพี หลังคว้าตำแหน่งโพลโพซิชัน ในศึกเช็ก กรังด์ปรีซ์ ขณะที่ในรุ่นโมโตทู รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ รถมีปัญหาได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 24
ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 10 ของรุ่นโมโตจีพี ซึ่งเป็นสนามที่ 9 ของรุ่นโมโตทู รายการ เช็ก กรังด์ปรีซ์ แข่งขันกันที่สนามเบอร์โน เซอร์กิต ในสาธารณรัฐเช็ก ความยาวต่อรอบ 5.403 กิโลเมตร ช่วงบ่ายวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นเป็นการแข่งขันรอบควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ท
ในรุ่นโมโตจีพี 800 ซีซี ปรากฎว่า ดานี เปโดรซา นักบิดสแปนิชจากทีมเรปโซลฮอนด้า เร่งความเร็วในช่วงท้ายของการจับเวลา คว้าตำแหน่งโพลโพซิชันไปครองด้วยเวลา 1 นาที 56.508 วินาที ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 1 โดยมี เบน สปีส์ จากทีมเทคทรียามาฮ่า และ ฮอร์เก ลอเรนโซ จากเฟียตยามาฮ่า ออกตัวเคียงข้างในกริดที่ 2 และ 3 ในแถวหน้า
ส่วนวาเลนติโน รอสซี แชมป์โลกคนล่าสุด ที่ลงแข่งในสภาพไม่ฟิตเต็มร้อย พลาดล้มในการจับเวลาควอลิฟายรอบสุดท้าย บริเวณโค้งสุดท้ายของสนาม ทำเวลาต่อรอบเข้ามาเป็นอันดับที่ 5 ได้ออกตัวจากกริดที่ 5 ในแถวที่ 2 อย่างไรก็ดีนับว่า "เดอะด็อกเตอร์" โชคดีที่ไม่ได้รับอาการบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุในครั้งนี้
ส่วนผลควอลิฟายในรุ่นโมโตทู 600 ซีซี "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่ทำเวลาได้ดีในรอบฝึกซ้อมครั้งที่ 2 ด้วยการติดอันดับที่ 10 ต้องเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการปรับจูนรถในพิต ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 24 ในแถวที่ 6 เท่านั้นด้วยเวลา 2 นาที 05.426 วินาที ขณะที่เจ้าของตำแหน่งโพลในรุ่นนี้ ได้แก่โชยา โทมิซาวา จากทีมเทคโนแมค ด้วยเวลา 2 นาที 03.452 วินาที
สำหรับมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการเช็ก กรังด์ปรีซ์ ที่สนามเบอร์โน เซอร์กิต จะดวลความเร็วกันในรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม นี้ โดยรุ่นโมโตทูเริ่มเวลา 17.15 น. ตามเวลาประเทศไทย
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th
ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 10 ของรุ่นโมโตจีพี ซึ่งเป็นสนามที่ 9 ของรุ่นโมโตทู รายการ เช็ก กรังด์ปรีซ์ แข่งขันกันที่สนามเบอร์โน เซอร์กิต ในสาธารณรัฐเช็ก ความยาวต่อรอบ 5.403 กิโลเมตร ช่วงบ่ายวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นเป็นการแข่งขันรอบควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ท
ในรุ่นโมโตจีพี 800 ซีซี ปรากฎว่า ดานี เปโดรซา นักบิดสแปนิชจากทีมเรปโซลฮอนด้า เร่งความเร็วในช่วงท้ายของการจับเวลา คว้าตำแหน่งโพลโพซิชันไปครองด้วยเวลา 1 นาที 56.508 วินาที ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 1 โดยมี เบน สปีส์ จากทีมเทคทรียามาฮ่า และ ฮอร์เก ลอเรนโซ จากเฟียตยามาฮ่า ออกตัวเคียงข้างในกริดที่ 2 และ 3 ในแถวหน้า
ส่วนวาเลนติโน รอสซี แชมป์โลกคนล่าสุด ที่ลงแข่งในสภาพไม่ฟิตเต็มร้อย พลาดล้มในการจับเวลาควอลิฟายรอบสุดท้าย บริเวณโค้งสุดท้ายของสนาม ทำเวลาต่อรอบเข้ามาเป็นอันดับที่ 5 ได้ออกตัวจากกริดที่ 5 ในแถวที่ 2 อย่างไรก็ดีนับว่า "เดอะด็อกเตอร์" โชคดีที่ไม่ได้รับอาการบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุในครั้งนี้
ส่วนผลควอลิฟายในรุ่นโมโตทู 600 ซีซี "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่ทำเวลาได้ดีในรอบฝึกซ้อมครั้งที่ 2 ด้วยการติดอันดับที่ 10 ต้องเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการปรับจูนรถในพิต ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 24 ในแถวที่ 6 เท่านั้นด้วยเวลา 2 นาที 05.426 วินาที ขณะที่เจ้าของตำแหน่งโพลในรุ่นนี้ ได้แก่โชยา โทมิซาวา จากทีมเทคโนแมค ด้วยเวลา 2 นาที 03.452 วินาที
สำหรับมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการเช็ก กรังด์ปรีซ์ ที่สนามเบอร์โน เซอร์กิต จะดวลความเร็วกันในรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม นี้ โดยรุ่นโมโตทูเริ่มเวลา 17.15 น. ตามเวลาประเทศไทย
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th
Wednesday, August 11, 2010
Friday, August 6, 2010
Subscribe to:
Posts (Atom)