ตลาดรวมรถยจักรยานต์ เดือนพ.ค. ยอดขายพุ่ง 10.57 % มียอดจำหน่าย 149,676 คันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา ฮอนด้าครองตลาดถึง 56%
ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยประจำเดือนพฤษภาคม 2553 ฉลุย มีปริมาณยอดการจำหน่ายทั้งสิ้น 149, 676 คัน เติบโตขึ้น 10.57% หรือ 14,305 คัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยรถประเภท เอ.ที. ฮอตฮิตสุดขั้ว ด้วยอัตราเติบโตสูงสุดถึง 52% สูงกว่ารถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวที่มีสัดส่วน 45% ส่งผลให้ฮอนด้าครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้เป็นอันดับ 1 ในทุกเซ็กเม้นท์ที่ฮอนด้ามีการวางจำหน่าย ขณะที่เทรนด์การขับขี่ใหม่ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดฟีเว่อร์สุดๆ โกยสัดส่วนตลาดรวมสูงสุด 63% ชี้ชัดในความยอดนิยมของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ สะท้อนวัยรุ่นไทยนิยมใช้รถแบบหัวฉีดเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง ฮอนด้ายังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดตัวจริงด้านกลยุทธ์การตลาด โดยรวมกับดีลเลอร์ทั่วประเทศจัดแคมเปญ “เกาะติดอังกฤษ สู้ศึกลูกหนังโลก ลุ้นโชคทุกรอบกับฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ”สร้างความฮือฮาให้วงการ เนื่องจากมีผู้สนใจขอคูปองทายผลจากร้านผู้จำหน่ายในจำนวนมากกว่า 1 ล้านใบ ทั้งที่ยังไม่หมดกำหนดรับคูปอง ถือว่าบรรลุผลสำเร็จเกินความคาดหมาย ในการใช้กลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ รวมทั้งได้ภาพลักษณ์และกระตุ้นยอดขายให้แก่รถหัวฉีด
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ว่า “ช่วงระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา มีปริมาณยอดสะสมจดทะเบียนป้ายวงกลมของรถจักรยานยนต์ทั้งสิ้น 750,607 คัน เทียบเท่าอัตราการเติบโตของตลาดสูงถึง 26.84% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 591,755 คัน ซึ่งมีปริมาณการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 158,852 คัน นับเป็นสัญญาณที่ดีของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยฮอนด้าขานรับสัญญาณการเติบโตของทิศทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่โดยมียอดจดทะเบียนรวมระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา 518,865 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาดที่ 69.12%”
หากศึกษาในรายละเอียดจะพบว่า ภายใต้สัญญาณการเติบโตตลาดในภาพรวม สะท้อนตัวเลขเชิงลึกที่ชี้ให้เห็นถึงกระแสการเติบโตของกลุ่มรถจักรยานยนต์ประเภท เอ.ที. ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นมาเป็นลำดับ และครองสัดส่วนความนิยมสูงกว่ารถประเภทครอบครัว โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีอัตราครองตลาดสูงถึง 52% เหตุผลหนึ่งของการเติบโตนี้ เพราะเป็นผลจากการที่ทุกค่ายผู้ผลิตต่างแข่งขันและชิงความนิยมกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีการใช้กลยุทธ์ในการส่งเสริมการจำหน่าย ผลักดันแคมเปญต่างๆ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับตัวสินค้ามากขึ้น คาดการณ์ว่ารถจักรยานยนต์ประเภท เอ.ที. จะสร้างความคึกคักและความตื่นตัวให้กับตลาดได้ต่อไป ซึ่งฮอนด้าสามารถกวาดแชร์เซกเมนต์ดังกล่าว ได้สูงถึง 56 % หรืออยู่ที่ 43,510 คัน จากยอดจดทะเบียนประเภทรถ เอ.ที. รวมทั้งหมด 78,161 คัน รองลงมาเป็นยามาฮ่า 43 % และซูซูกิ 1 %
รายงานตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนพฤษภาคม 2553 มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 149,696 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที. 78,161 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 52% โดยขึ้นนำรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 67,334 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 45% รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 1,706 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% แบบออฟโรด 1,582 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% แบบสปอร์ตและประเภทอื่นๆ 893 คัน มีสัดส่วนตลาดกว่า 1%
หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิตในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 100,266 คัน เทียบ เท่าอัตราครองตลาด 67%, ยามาฮ่า 40,826 คัน อัตราครองตลาด 27%, ซูซูกิ 5,412 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 1,768 คัน , เจอาร์ดี 48 คัน, แพล็ตตินั่ม 68 คัน, ไทเกอร์ 139 คัน และอื่นๆ 1,149 คัน
เพิ่มเติม http://www.bangkokbiznews.com
ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยประจำเดือนพฤษภาคม 2553 ฉลุย มีปริมาณยอดการจำหน่ายทั้งสิ้น 149, 676 คัน เติบโตขึ้น 10.57% หรือ 14,305 คัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยรถประเภท เอ.ที. ฮอตฮิตสุดขั้ว ด้วยอัตราเติบโตสูงสุดถึง 52% สูงกว่ารถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวที่มีสัดส่วน 45% ส่งผลให้ฮอนด้าครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้เป็นอันดับ 1 ในทุกเซ็กเม้นท์ที่ฮอนด้ามีการวางจำหน่าย ขณะที่เทรนด์การขับขี่ใหม่ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดฟีเว่อร์สุดๆ โกยสัดส่วนตลาดรวมสูงสุด 63% ชี้ชัดในความยอดนิยมของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ สะท้อนวัยรุ่นไทยนิยมใช้รถแบบหัวฉีดเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง ฮอนด้ายังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดตัวจริงด้านกลยุทธ์การตลาด โดยรวมกับดีลเลอร์ทั่วประเทศจัดแคมเปญ “เกาะติดอังกฤษ สู้ศึกลูกหนังโลก ลุ้นโชคทุกรอบกับฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ”สร้างความฮือฮาให้วงการ เนื่องจากมีผู้สนใจขอคูปองทายผลจากร้านผู้จำหน่ายในจำนวนมากกว่า 1 ล้านใบ ทั้งที่ยังไม่หมดกำหนดรับคูปอง ถือว่าบรรลุผลสำเร็จเกินความคาดหมาย ในการใช้กลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ รวมทั้งได้ภาพลักษณ์และกระตุ้นยอดขายให้แก่รถหัวฉีด
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ว่า “ช่วงระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา มีปริมาณยอดสะสมจดทะเบียนป้ายวงกลมของรถจักรยานยนต์ทั้งสิ้น 750,607 คัน เทียบเท่าอัตราการเติบโตของตลาดสูงถึง 26.84% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 591,755 คัน ซึ่งมีปริมาณการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 158,852 คัน นับเป็นสัญญาณที่ดีของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยฮอนด้าขานรับสัญญาณการเติบโตของทิศทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่โดยมียอดจดทะเบียนรวมระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา 518,865 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาดที่ 69.12%”
หากศึกษาในรายละเอียดจะพบว่า ภายใต้สัญญาณการเติบโตตลาดในภาพรวม สะท้อนตัวเลขเชิงลึกที่ชี้ให้เห็นถึงกระแสการเติบโตของกลุ่มรถจักรยานยนต์ประเภท เอ.ที. ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นมาเป็นลำดับ และครองสัดส่วนความนิยมสูงกว่ารถประเภทครอบครัว โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีอัตราครองตลาดสูงถึง 52% เหตุผลหนึ่งของการเติบโตนี้ เพราะเป็นผลจากการที่ทุกค่ายผู้ผลิตต่างแข่งขันและชิงความนิยมกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีการใช้กลยุทธ์ในการส่งเสริมการจำหน่าย ผลักดันแคมเปญต่างๆ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับตัวสินค้ามากขึ้น คาดการณ์ว่ารถจักรยานยนต์ประเภท เอ.ที. จะสร้างความคึกคักและความตื่นตัวให้กับตลาดได้ต่อไป ซึ่งฮอนด้าสามารถกวาดแชร์เซกเมนต์ดังกล่าว ได้สูงถึง 56 % หรืออยู่ที่ 43,510 คัน จากยอดจดทะเบียนประเภทรถ เอ.ที. รวมทั้งหมด 78,161 คัน รองลงมาเป็นยามาฮ่า 43 % และซูซูกิ 1 %
รายงานตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนพฤษภาคม 2553 มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 149,696 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที. 78,161 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 52% โดยขึ้นนำรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 67,334 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 45% รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 1,706 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% แบบออฟโรด 1,582 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% แบบสปอร์ตและประเภทอื่นๆ 893 คัน มีสัดส่วนตลาดกว่า 1%
หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิตในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 100,266 คัน เทียบ เท่าอัตราครองตลาด 67%, ยามาฮ่า 40,826 คัน อัตราครองตลาด 27%, ซูซูกิ 5,412 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 1,768 คัน , เจอาร์ดี 48 คัน, แพล็ตตินั่ม 68 คัน, ไทเกอร์ 139 คัน และอื่นๆ 1,149 คัน
เพิ่มเติม http://www.bangkokbiznews.com
No comments:
Post a Comment