ซูซูกิ ชี้ตลาดรถจักรยานยนต์ยังมุ่งเน้นแฟชั่นและดนตรีเป็นกิจกรรมนำ ดึงกลุ่มเป้าหมายให้สนใจสินค้า ด้านฮอนด้าคาดตลาด 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้คึกคักทั้งจากแคมเปญและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เผยยอดขาย10เดือนชะลอตัว 14% รถครอบครัวยังโดดเด่น
มร. มาซาโนบุ ไซโต้ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดกำลังให้ความสนใจกับแฟชั่น และดนตรี ดังนั้นเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย ทางซูซูกิ จึงได้เดินหน้าเข้าสู่กลยุทธ์ที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นได้อย่างแท้จริง โดยจะมีกิจกรรมในทุกภาคทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นยอดขาย และการเติบโตของตลาด
สำหรับ ยอดขายของรถจักรยานยนต์ “ซูซูกิ เจลาโต้” ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันครบ 3 เดือนนั้น มีผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นในปัจจุบันต้องการรถจักรยานยนต์ที่แตกต่าง และเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยขณะนี้บริษัทได้จัดแคมเปญลุ้นไปเที่ยว ชิม ชม ช๊อป กันที่ประเทศเกาหลีกับ “นิชคุณ” ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขาย และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้กับ “ซูซูกิ” อย่างแน่นอน
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า การคาดการณ์ 2 เดือนสุดท้ายของปี ตลาดจะกลับมาคึกคักด้วยการผลักดันตลาดอย่างเต็มที่ของบรรดาค่ายผู้ผลิต รวมทั้งการแนะนำรถรุ่นใหม่ และกิจกรรมส่งเสริมการขาย
สำหรับปริมาณยอดจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปี 2552 ถึงเดือนตุลาคมปีเดียวกันอยู่ที่ 1,257,919 คัน ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าสัดส่วนการเติบโตโดยรวมจะลดลง แต่เป็นการลดลงในภาวะชะลอตัวเฉกเช่นเดียวกับทิศทางของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามจากมาตรการการส่งเสริมการอุปโภคบริโภคของภาครัฐบาลและเอกชนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ช่วยสนับสนุนให้ยอดขายรวมเติบโตขึ้น “รถจักรยานยนต์ประเภทรถแบบครอบครัว นับเป็นกลุ่มรถประเภทหลักของตลาดที่มีอัตราการเติบโตลดลงน้อยที่สุด สาเหตุหนึ่งคงเนื่องจากรถในกลุ่มประเภทนี้มีคุณสมบัติเด่นด้านความประหยัด สอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และจากแนวโน้มของสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงเติบโตลดลงในขณะนี้ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้รถประเภทนี้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น
สำหรับยอดขายรถจักรยานยนต์เดือนตุลาคมมีจำนวน 119,918 คัน โดยปริมาณยอดจดทะเบียนในเดือนนี้ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่ยังคงได้รับความนิยมสุงสุดเช่นเคย ด้วยปริมาณตัวเลข 59,550 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% ในขณะที่รถแบบ เอ.ที มีปริมาณ 55,007 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 2,831 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 881 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 1,649 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1%
สำหรับรายละเอียดของยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งถึงสิ้นเดือนตุลาคม รถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวครองความเป็นรถยอดนิยมตลอดกาล ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนที่มากถึง 620,564 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทนี้ถึง 84% ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนตุลาคม ดังนี้ คือ รถแบบ เอ.ที มีปริมาณ 585,659 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 30,768 คัน สัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 9,604 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 11,324 คัน สัดส่วนตลาด 1%
ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 826,269 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 354,846 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 53,164 คัน อัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 11,762 คัน อัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 1,436 คัน, แพล็ตตินั่ม 856 คัน, ไทเกอร์ 851 คัน และอื่นๆ 8,735 คัน
เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com/
มร. มาซาโนบุ ไซโต้ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดกำลังให้ความสนใจกับแฟชั่น และดนตรี ดังนั้นเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย ทางซูซูกิ จึงได้เดินหน้าเข้าสู่กลยุทธ์ที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นได้อย่างแท้จริง โดยจะมีกิจกรรมในทุกภาคทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นยอดขาย และการเติบโตของตลาด
สำหรับ ยอดขายของรถจักรยานยนต์ “ซูซูกิ เจลาโต้” ซึ่งเปิดตัวตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันครบ 3 เดือนนั้น มีผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นในปัจจุบันต้องการรถจักรยานยนต์ที่แตกต่าง และเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยขณะนี้บริษัทได้จัดแคมเปญลุ้นไปเที่ยว ชิม ชม ช๊อป กันที่ประเทศเกาหลีกับ “นิชคุณ” ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขาย และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้กับ “ซูซูกิ” อย่างแน่นอน
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า การคาดการณ์ 2 เดือนสุดท้ายของปี ตลาดจะกลับมาคึกคักด้วยการผลักดันตลาดอย่างเต็มที่ของบรรดาค่ายผู้ผลิต รวมทั้งการแนะนำรถรุ่นใหม่ และกิจกรรมส่งเสริมการขาย
สำหรับปริมาณยอดจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปี 2552 ถึงเดือนตุลาคมปีเดียวกันอยู่ที่ 1,257,919 คัน ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าสัดส่วนการเติบโตโดยรวมจะลดลง แต่เป็นการลดลงในภาวะชะลอตัวเฉกเช่นเดียวกับทิศทางของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามจากมาตรการการส่งเสริมการอุปโภคบริโภคของภาครัฐบาลและเอกชนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ช่วยสนับสนุนให้ยอดขายรวมเติบโตขึ้น “รถจักรยานยนต์ประเภทรถแบบครอบครัว นับเป็นกลุ่มรถประเภทหลักของตลาดที่มีอัตราการเติบโตลดลงน้อยที่สุด สาเหตุหนึ่งคงเนื่องจากรถในกลุ่มประเภทนี้มีคุณสมบัติเด่นด้านความประหยัด สอดรับกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และจากแนวโน้มของสภาพเศรษฐกิจที่ยังคงเติบโตลดลงในขณะนี้ จะเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้รถประเภทนี้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น
สำหรับยอดขายรถจักรยานยนต์เดือนตุลาคมมีจำนวน 119,918 คัน โดยปริมาณยอดจดทะเบียนในเดือนนี้ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่ยังคงได้รับความนิยมสุงสุดเช่นเคย ด้วยปริมาณตัวเลข 59,550 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% ในขณะที่รถแบบ เอ.ที มีปริมาณ 55,007 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 2,831 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 881 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 1,649 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1%
สำหรับรายละเอียดของยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งถึงสิ้นเดือนตุลาคม รถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวครองความเป็นรถยอดนิยมตลอดกาล ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนที่มากถึง 620,564 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทนี้ถึง 84% ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนตุลาคม ดังนี้ คือ รถแบบ เอ.ที มีปริมาณ 585,659 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 30,768 คัน สัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 9,604 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 11,324 คัน สัดส่วนตลาด 1%
ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 826,269 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 354,846 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 53,164 คัน อัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 11,762 คัน อัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 1,436 คัน, แพล็ตตินั่ม 856 คัน, ไทเกอร์ 851 คัน และอื่นๆ 8,735 คัน
เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com/
No comments:
Post a Comment