"ฮอนด้า" เทงบฯอีก 60 ล้านทำตลาดรถบิ๊กไบก์ หลังต้องชะลอแผนเปิดตัวเพราะพิษเศรษฐกิจ จากเดิมที่คาดพร้อมเปิดบริการในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ลั่นกลางปีหน้าแล้วเสร็จ พร้อมทำตลาดเต็มสูบ ด้าน "ยามาฮ่า-ซูซูกิ" คาดปีหน้าตลาดรถบิ๊กไบก์โตเพิ่มอีก 15% เตรียมเข็นรุ่นใหม่ทำตลาด
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารส่วนงานขาย บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความคืบหน้า หลังจากที่บริษัทได้ตัดสินใจชะลอแผนทำตลาด และการเปิดศูนย์บริการสำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือ "ฮอนด้าบิ๊กวิง" (Honda Big Wing) ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่คาดว่าจะพร้อมทำตลาดได้ในช่วงปลายปี 2551
สาเหตุที่ทำให้บริษัทจำเป็นต้องชะลอแผนงานดังกล่าวออกไปนั้น เป็นผลกระทบโดยตรงจากสภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศโดยรวม ทำให้บริษัทต้องชะลอโครงการดังกล่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่ปัจจุบัน บริษัทพร้อมที่จะนำแผนงานดังกล่าวกลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีการตกแต่งโชว์รูมและศูนย์บริการด้านนอกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการตกแต่งในส่วนของภายใน เนื่องจากติดปัญหาข้างต้น ซึ่งบริษัทจะกลับมาตกแต่งภายในโชว์รูมอีกครั้งในช่วงกลางปีหน้า คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปลายปี เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณที่ 60 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย
ศูนย์ "ฮอนด้าบิ๊กวิง" แห่งนี้ ถือเป็นศูนย์จำหน่ายรถซูเปอร์ไบก์ที่ครบวงจรของฮอนด้า โดยมีบริการทั้งงานขาย งานซ่อม สนามฝึกขับขี่ รวมทั้งมีพื้นที่ไว้สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้ ถือเป็นลูกค้าที่มีความพิเศษเฉพาะตัวค่อนข้างมาก ซึ่งจำเป็นจะต้องมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง สำหรับศูนย์ดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้แยกนวมินทร์เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
ด้านนายเลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงตลาดรถบิ๊กไบก์ในปีหน้า คาดว่าจะมีอัตรากการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10-15% แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจและการ เมืองจะไม่เอื้ออำนวยมากนัก แต่เนื่องจากรถจักรยานยนต์กลุ่มนี้ยังถือเป็นกลุ่มที่มีฐานตัวเลขเดิมไม่สูงมาก
บวกกับปีหน้าประเทศไทยจะเริ่มใช้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ที่ภาษีนำเข้าจะลงลดเป็นศูนย์ ซึ่งส่งผลให้ราคารถประเภทนี้ถูกลง ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มาช่วยกระตุ้นตลาดบิ๊กไบก์มือสอง ซึ่งมีอยู่มากในปัจจุบัน ให้หันมาซื้อรถมือหนึ่งเพิ่มขึ้นอีก
ส่วนยอดขายรถบิ๊กไบก์ของบริษัทซูซูกิในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 10 คัน เนื่องจากนโยบายของบริษัทต้องการทำรถประเภทนี้เข้ามาเสริมภาพลักษณ์ก่อนในช่วงเริ่มต้น
ด้านนายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดของรถบิ๊กไบก์ปีนี้โตขึ้น โดยปีที่แล้วมียอดขาย ที่ 100 คัน ส่วนปีนี้อยู่ที่ 140 คัน โดยรุ่นยอดนิยมคือยามาฮ่า "ทีแมกซ์" ซึ่งถือว่าไม่ได้เพิ่มจากปีที่แล้วมากนัก
เนื่องจากตลาดรถบิ๊กไบก์เป็นตลาดที่เล็กอยู่แล้ว น่าจะเติบโตได้ แต่ไม่มากเท่าไหร่ แต่ตลาดมอเตอร์ไซค์โดยรวมถือว่าอยู่ในช่วงคงที่แล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน ตัวเลขผันแปรเยอะ น่าจะทำให้ตลาดรถบิ๊กไบก์คงที่ทั้งปลายปีนี้และในปีหน้า
เพิ่มเติม http://www.prachachat.net
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารส่วนงานขาย บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความคืบหน้า หลังจากที่บริษัทได้ตัดสินใจชะลอแผนทำตลาด และการเปิดศูนย์บริการสำหรับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือ "ฮอนด้าบิ๊กวิง" (Honda Big Wing) ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่คาดว่าจะพร้อมทำตลาดได้ในช่วงปลายปี 2551
สาเหตุที่ทำให้บริษัทจำเป็นต้องชะลอแผนงานดังกล่าวออกไปนั้น เป็นผลกระทบโดยตรงจากสภาพเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศโดยรวม ทำให้บริษัทต้องชะลอโครงการดังกล่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่ปัจจุบัน บริษัทพร้อมที่จะนำแผนงานดังกล่าวกลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีการตกแต่งโชว์รูมและศูนย์บริการด้านนอกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการตกแต่งในส่วนของภายใน เนื่องจากติดปัญหาข้างต้น ซึ่งบริษัทจะกลับมาตกแต่งภายในโชว์รูมอีกครั้งในช่วงกลางปีหน้า คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปลายปี เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณที่ 60 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย
ศูนย์ "ฮอนด้าบิ๊กวิง" แห่งนี้ ถือเป็นศูนย์จำหน่ายรถซูเปอร์ไบก์ที่ครบวงจรของฮอนด้า โดยมีบริการทั้งงานขาย งานซ่อม สนามฝึกขับขี่ รวมทั้งมีพื้นที่ไว้สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้ ถือเป็นลูกค้าที่มีความพิเศษเฉพาะตัวค่อนข้างมาก ซึ่งจำเป็นจะต้องมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง สำหรับศูนย์ดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้แยกนวมินทร์เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
ด้านนายเลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงตลาดรถบิ๊กไบก์ในปีหน้า คาดว่าจะมีอัตรากการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10-15% แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจและการ เมืองจะไม่เอื้ออำนวยมากนัก แต่เนื่องจากรถจักรยานยนต์กลุ่มนี้ยังถือเป็นกลุ่มที่มีฐานตัวเลขเดิมไม่สูงมาก
บวกกับปีหน้าประเทศไทยจะเริ่มใช้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ที่ภาษีนำเข้าจะลงลดเป็นศูนย์ ซึ่งส่งผลให้ราคารถประเภทนี้ถูกลง ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มาช่วยกระตุ้นตลาดบิ๊กไบก์มือสอง ซึ่งมีอยู่มากในปัจจุบัน ให้หันมาซื้อรถมือหนึ่งเพิ่มขึ้นอีก
ส่วนยอดขายรถบิ๊กไบก์ของบริษัทซูซูกิในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 10 คัน เนื่องจากนโยบายของบริษัทต้องการทำรถประเภทนี้เข้ามาเสริมภาพลักษณ์ก่อนในช่วงเริ่มต้น
ด้านนายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดของรถบิ๊กไบก์ปีนี้โตขึ้น โดยปีที่แล้วมียอดขาย ที่ 100 คัน ส่วนปีนี้อยู่ที่ 140 คัน โดยรุ่นยอดนิยมคือยามาฮ่า "ทีแมกซ์" ซึ่งถือว่าไม่ได้เพิ่มจากปีที่แล้วมากนัก
เนื่องจากตลาดรถบิ๊กไบก์เป็นตลาดที่เล็กอยู่แล้ว น่าจะเติบโตได้ แต่ไม่มากเท่าไหร่ แต่ตลาดมอเตอร์ไซค์โดยรวมถือว่าอยู่ในช่วงคงที่แล้ว ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน ตัวเลขผันแปรเยอะ น่าจะทำให้ตลาดรถบิ๊กไบก์คงที่ทั้งปลายปีนี้และในปีหน้า
เพิ่มเติม http://www.prachachat.net
No comments:
Post a Comment