Sunday, October 31, 2010
ปิดไตรมาส 3 มอ'ไซค์ขาย 1.4 ล้านคัน
ผ่าน 3 ไตรมาสของปี 2553 ตลาดรถจักรยานยนต์ยังแรงไม่หยุด ด้วยยอดขายรวม 1,404,626 คัน โต 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรถแบบเอ.ที ยังได้รับความนิยมสูงสด หรือคิดเป็นสัดส่วน 51% จากยอดขายรถทุกประเภท
ธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยปิดฉากไตรมาสสามของปี เติบโตสูงถึง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยยอดจดทะเบียนสะสม 1,404,626 คัน โดยฮอนด้าเจ้าเดียวโตขึ้น 27% พร้อมครองส่วนแบ่งการตลาด 68%
“เหตุผลส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยเติบโตขึ้นนี้ สาเหตุหลักคงมาจากการที่บรรดาค่ายผู้ผลิตต่างโหมกระตุ้น และสร้างความตื่นตัวให้กับตลาด โดยเฉพาะค่ายฮอนด้าเอง ในฐานะของผู้นำตลาด ได้เตรียมส่งความหลากหลายของสินค้า ในทุกโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นในประเภทรถครอบครัว รถเอ.ที และล่าสุดกับรถสปอร์ต เพื่อเติมเต็มในทุกส่วนของความต้องการของผู้บริโภค และเติมเต็มให้เหนือยิ่งกว่า ด้วยการตอบสนองในส่วนที่เหนือความต้องการเพื่อมุ่งเปิดเซกเมนต์ใหม่ๆ ขยายตลาดรถจักรยานยนต์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น”
ด้านตัวเลขสะสม 9 เดือนแรกของปีของตลาดรถจักรยายนต์เมืองไทย มียอดจำหน่ายรวมที่ 1,404,626 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที 716,848 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 51%, แบบครอบครัวที่ 643,927 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46%, แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 18,718 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1%, แบบสปอร์ต 6,998 คัน และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 18,135 คัน
หากแบ่งแยกตามประเภทของผู้ผลิต ฮอนด้ามียอดจดทะเบียนที่ 954,901 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 68%, ยามาฮ่า 366,499 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 26%, ซูซูกิ 51,070 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 16,634 คัน อัตราครองตลาด 1% , เจอาร์ดี 237 คัน, แพล็ตตินั่ม 565 คัน, ไทเกอร์ 1,577 คัน และอื่นๆ 13,143 คัน
สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนกันยายน 2553 มียอดจำหน่ายรวมที่ 152,366 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบเอ.ที 78,617 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 52% ซึ่งขึ้นนำรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่มียอดจดทะเบียนที่ 70,788 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46% สำหรับรถจักรยานยนต์ในแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 631 คัน, แบบสปอร์ต 421 คัน และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 1,909 คัน
ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิตในเดือนกันยายน รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 102,672 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 67%, ยามาฮ่า 40,716 คัน อัตราครองตลาด 27%, ซูซูกิ 5,480 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 1,642 คัน , เจอาร์ดี 11 คัน, แพล็ตตินั่ม 87 คัน, ไทเกอร์ 177 คัน และอื่นๆ 1,581 คัน
เพิ่มเติม : http://www.langrod.com/
Friday, October 22, 2010
รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเดินเกมตลาดรถสปอร์ต
รถสปอร์ต กับ “Honda CBR150R FI” รถสปอร์ตหัวฉีดตัวแรกของเมืองไทย
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย ประกาศความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่เป็นรายแรกกับยุทธศาสตร์การเปลี่ยนยุคแห่งการขับขี่สู่ยุคหัวฉีด ก้าวสู่ความเป็นผู้นำที่ทิ้งห่างคู่แข่งขัน ด้วยการพัฒนามอเตอร์ไซต์หัวฉีดได้หลากสไตล์ ครองใจผู้บริโภคได้ครบทุกเซ็กเมนต์ โดยล่าสุดวันนี้! กับการอัดฉีดกลยุทธ์ความแรงหัวฉีดในเซกเมนต์ใหม่ล่าสุดกับยนตรกรรมสปอร์ตเร้าใจรุ่น “Honda CBR150R FI” ครั้งแรกของเมืองไทยกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์ 150 ซีซี ขุมพลังหัวฉีด PGM-FI รูปโฉมดีไซน์ใหม่ให้อารมณ์เดียวกับรถสปอร์ตคันเท่ระดับโลก หวังปลุกกระแสความเร้าใจของตลาดรถสปอร์ตในเมืองไทยให้กับมาโหมกระหน่ำอีกครั้ง โดยตั้งเป้าการจำหน่ายของรถสปอร์ตรุ่นนี้ที่ 10,000 คันต่อปี ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 75,900 บาท พร้อมเตรียมเผยโฉมอย่างเป็นทางการ และเปิดให้ทดลองขับยนตรกรรมสปอร์ตสุดร้อนแรงคันใหม่นี้ได้ที่งาน “Big Fun Fest by Honda” มหกรรมความมันส์ สนุก สุดเซอร์ไพรส์ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) วันที่ 30 ตุลาคมนี้ แฟนมอเตอร์ไซต์ตัวจริง ไม่ควรพลาด!
มร.จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงกระแสการกลับมาของรถสปอร์ตของเมืองไทยในครั้งนี้ว่า “การวางจำหน่าย All new Honda CBR150R FI ในครั้งนี้ คืออีกหนึ่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของฮอนด้า โดยการรุกตลาดรถสปอร์ตหัวฉีดนี้ทำให้กลยุทธ์และเจตนารมณ์ในการเปลี่ยนแปลงยุคแห่งการขับขี่ สู่ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ของฮอนด้าประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ โดยฮอนด้าสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทั้งตลาด ไม่ว่าจะเป็นในตลาดประเภทรถ เอ.ที, รถครอบครัว และล่าสุดวันนี้กับตลาดรถสปอร์ต ซึ่ง Honda CBR150R FI ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่ฮอนด้าจะปลุกกระแสตลาดรถสปอร์ตของเมืองไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 อาร์ FI ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตลาดรถจักรยานยนต์ประเทศไทยโดยเฉพาะ การพัฒนาได้คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าชาวไทยเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งการพัฒนาติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ ตลอดจนเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ใหม่ให้เป็น Image รถบิ๊กไบค์ระดับโลกรอบคัน เรามีความตั้งใจว่า ลูกค้าจะรู้สึกได้ถึงความยินดีในรูปแบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าการปรากฏโฉมของ All New Honda CBR150R FI นี้จะสร้างความพึงพอใจอย่างล้ำลึกให้กับลูกค้าที่รอคอยมาอย่างยาวนานได้แน่นอน”
สำหรับความแรงเร้าใจของ Honda CBR150R FI รถจักรยานยนต์ซีตี้สปอร์ตหัวฉีดตัวแรกของเมืองไทยคันนี้ ได้อินไซต์ของคนที่มีใจรักความแรง และความท้าทายเป็นพื้นฐาน อย่างนักแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “ฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” หนุ่มนักบิดหนึ่งเดียวของชาวไทย สายเลือดนักแข่งสายพันธุ์แท้ มาร่วมถ่ายทอดสไตล์ความร้อนแรงในการขับขี่รถสปอร์ตหัวฉีด ที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะความแรง และความคล่องตัว โดยฮอนด้าเชื่อว่าภาพลักษณ์ด้านความท้าทายของ “ฟีม” ที่มีต่อเวทีระดับโลกจะช่วยส่งเสริมความเป็นมอเตอร์สปอร์ตของ Honda CBR150R FI ให้โดดเด่นมากขึ้น ภายใต้แนวคิดทางการสื่อสารการตลาดของรถสปอร์ตร้อนแรง “True Blood of Sport Spirit สปอร์ตเร้าใจ...สายพันธุ์แท้”
Honda CBR150R FI นอกจากเป็นรถสปอร์ตหัวฉีด PGM-FI ในระดับ 150 ซีซี ตัวแรกของประเทศไทยแล้ว ยังมาพร้อมมาตรฐานเครื่องยนต์ DOHC 4 วาล์ว 6 เกียร์ ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อมพัดลมไฟฟ้าอัตโนมัติ ปฏิวัติรูปโฉมใหม่ทั้งหมด กับรูปทรงเท่สไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมมาดเข้มดุดันมากขึ้นกับ Sporty Full Cowling เท่ทรงพลังตั้งแต่หน้ากากจรดไฟหน้า กับถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่จุน้ำมันได้มากขึ้นถึง 13 ลิตร, ครั้งแรกกับนาฬิกาดิจิตอลบนหน้าปัดเรือนไมล์สุดหรู ที่แสดงผลบนจอ LCD พร้อมระบบ ODO Meter วัดระยะการเดินทาง และอุปกรณ์มาตรฐานเดียวกับรถสปอร์ตชั้นสูงระดับโลกรอบคัน พร้อมเผยโฉมความร้อนแรงแบบสปอร์ตตัวจริงด้วยกันถึง 3 สี หลากสไตล์ ได้แก่ Sporty R.W.B (แดง-ขาว-น้ำเงิน) มาดสปอร์ตเท่ให้อารมณ์สายพันธุ์นักแข่ง, X-Treme RED (แดง) สปอร์ตจัดจ้าน ร้อนแรง และ Night Black (ดำ) สปอร์ตมาดเข้ม ดุดันทุกการเคลื่อนไหว
ทั้งนี้ ด้านแผนการจำหน่าย Honda CBR150R FI จะเริ่มส่งความแรงเร้าใจสู่ตลาดตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 75,900 บาท ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายทั้งสิ้น 10,000 คันต่อปี พร้อมพิเศษสุด เอาใจคนหัวใจสปอร์ต ด้วยข้อเสนอสุดร้อนแรง! สำหรับ 1,000 คันแรก รับฟรีทันทีเสื้อแจ๊คเก็ตสุดเท่มูลค่ากว่า 2,000 บาท (ของมีจำนวนจำกัด) นอกจากนั้นอีกหนึ่งข้อเสนอพิเศษกับ Platinum Package แพคเกจบริการช่วยเหลือกรณีรถเสียฉุกเฉิน และบริการช่วยเหลือทางการแพทย์ ระยะเวลา 1 ปี จาก Honda Roadside Assistance รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ อาทิ คูปองบริการล้างรถฟรี คูปองเปลี่ยนถ่านน้ำมันเครื่องฟรี และอื่นๆ ตามเงื่อนไขของทางบริษัทฯ ข้อเสนอนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 เท่านั้น
เตรียมสัมผัสความยิ่งใหญ่พร้อมทดลองการขับขี่ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าซีบีอาร์ 150 อาร์ FI ได้ก่อนใคร ในงาน “Big Fun Fest” มหกรรมความมันส์ สนุก สุดเซอร์ไพรส์ by Honda ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2553 นี้
เพิ่มเติม : http://www.aphonda.co.th/
Monday, October 18, 2010
S-KTRC (Sport-Kawasaki Traction Control)
We’ve seen it, sat on it, and heard it run! Kawasaki has unleashed a potent new literbike weapon in the form of the 2011 ZX-10R.
The result is a bike said to be a huge 2 seconds quicker around Autopolis than the 2010 edition in back-to-back testing on identical tires on the same day. This indicates it has the potential to turn better lap times than its literbike competitors.
Sunday, October 17, 2010
Wednesday, October 13, 2010
Friday, October 8, 2010
Sunday, October 3, 2010
ฟีม เร่งไม่ขึ้นที่โมเตกิ
จักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 13 ในรุ่นโมโตทูประจำฤดูกาล 2010 รายการเจแปนนิส กรังด์ปรีซ์ แข่งขันกันที่สนามทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ระยะทางต่อรอบ 4.803 กิโลเมตร ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 3 ต.ค.เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ดวลความเร็วกันทั้งสิ้น 23 รอบสนาม
ก่อนการแข่งขันรุ่น125 ซีซี จะเริ่มต้นขึ้นมีพิธีการรำลึกการจากไปของโชยะ โทมิซาวา นักบิดช่าวญี่ปุ่นในรุ่นโมโตทู ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการแข่งขันซานมาริโน กรังด์ปรีซ์ ที่สนามมิซาโน เซอร์กิต เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีวิโต อิปโพลิโต ประธานสหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติเป็นตัวแทนกล่าวคำไว้อาลัย
โดยผลการแข่งขันปรากฎว่า "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดทีมไทยฮอนด้าพีทีทีสิงห์แซค ที่ออกสตาร์ทจากกริดที่ 22 มีปัญหาในการทำความเร็วต่อรอบตลอด 23 รอบการแข่งขัน ส่งผลให้เจ้าตัวบิดรถคู่ใจเข้าเส้นชัยเพียงอันดับที่ 21 จากรถแข่งทั้งหมด 41 คัน ตามหลังผู้ชนะ 46.745 วินาที ไร้แต้มติดมือในสนามนี้
ส่วนผู้ชนะในรุ่นนี้เป็นของ โทนี เอเลียส นักบิดสแปนิช จากทีมเกรซินี ที่ขับเคี่ยวกับจูเลียน ซิมง นักแข่งเพื่อนร่วมชาติจากทีมแอสพาร์ ตลอดการแข่งขัน ก่อนที่เอเลียส จะควบรถผ่านธงหมากรุกเป็นคันแรก ด้วยเวลารวม 43 นาที 50.930 วินาทีทิ้งซิมงอันดับสองอยู่ 0.3 วินาที โดยมีคาเรล อับบราฮัม ตามขึ้นโพเดียมอันดับที่สามตามหลังผู้ชนะ 9.8 วินาที
ขณะที่ผลการแข่งขันในรุ่นโมโตจีพี ปรากฎว่า เคซีย์ สโตเนอร์ อดีตแชมป์โลกปี 2007 จากดูคาติ คว้าแชมป์ไปครอง โดยมีอังเดร โดวิซิโอโซ จากฮอนด้า และวาเลนติโน รอสซี ของยามาฮ่า ตามเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ โดยศึกเวิลด์ จีพี สนามต่อไป จะเป็นการแข่งขันรายการมาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่สนามเซปัง วันอาทิตย์ที่ 10 ต.ค.นี้
สรุปคะแนนรุ่นโมโตทู
1 โทนี เอเลียส (สเปน/เกรซินิ-โมริวากิ) 249
2 จูเลีย ซิมง (สเปน / แอสพาร์-ซูเตอร์) 168
3 อันเดร เอียนโนเน (อิตาลี / ฟิมโก-สปีดอัพ) 147
4 โทมัส ลูธี (สวิตเซอร์แลนด์ / อินเตอร์เวตเทน / โมริวากิ) 138
5 ซิโมเน คอร์ซี (อิตาลี / เจไออาร์-โมโตบิ) 110
*18 รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ (ไทย/ไทยฮอนด้าพีทีทีสิงห์แซค/บิโมตา) 30
เพิ่มเติม : http://www.manager.co.th/
Friday, October 1, 2010
The "Groenekan Revisited" Meet and Greet 2010
gevestigd in Malvern in Worcestershire.
De firma is in 1910 opgericht door H.F.S. Morgan (1881-1959).
Zijn zoon Peter Morgan leidde het bedrijf tot zijn dood in 2003.
Kleinzoon Charles Morgan leidt het bedrijf vanaf 1999.
Geschiedenis:
(Foto's: Motoring George)
Ray's gift MORGAN TRICYCLE model
(Matchless Model X V-Twin engine)
"SURPRISE!"
Op 16 september l.l. was Ray "Mr. Ajs/Matchless International" Pollard,heeft nu toch besloten maar geen* motor meer te rijden.
prachtige Morgan Tricycle model.
So
Motoring George Spauwen
Sponsored by
Victrace Sitebuilding