Friday, December 24, 2010

ยามาฮ่าเปิดตัว “ฟีโอเร่ หัวฉีดใหม่” มอเตอร์ไซค์ เทรนดี้

ยามาฮ่าเปิดตัว “ฟีโอเร่ หัวฉีดใหม่” มอเตอร์ไซค์เทรนดี้ พลิกโฉมวงการเจาะกลุ่มวัยรุ่นหญิงมีสไตล์ พร้อมพรีเซ็นเตอร์เกาหลี 4 สาวสุดฮอต 2NE1 สร้างความแตกต่างอย่างเหนือชั้น



บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติก รุกสร้างกลยุทธ์การตลาดแนวใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เปิดเซกเม้นต์ใหม่เพิ่มขึ้น สร้างกระแส กระตุ้นตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังจากเมื่อ 4 ปีก่อนส่งรถจักรยานยนต์ออโตเมติก “ยามาฮ่า ฟีโน่” สไตล์โมเดิร์น คลาสสิก เพิ่มความคึกคักให้ตลาดรถจักรยานยนต์จนประสบความสำเร็จในด้านยอดขาย และเป็นผู้นำเทรนด์กับรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกตัวจริง ล่าสุดประกาศเดินหน้าเปิดตัวรถ “ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด” ออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับระบบ “หัวฉีดอัจฉริยะ YMJET (ยามาฮ่า เอ็ม เจ็ท)” พร้อมด้วยเทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล และตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์ออโตเมติกด้วยล้อขนาด 12 นิ้ว

นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2010 ถือว่าเป็นปีที่น่าพอใจอีกปีหนึ่ง เพราะสภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปีถึงกลางปีมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ราคาพืชผลทางเกษตรมีราคาสูงขึ้น ทำให้ประชาชนมีรายได้ที่สามารถจับจ่ายซื้อของได้ ถึงแม้ในช่วงปลายปีได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในหลายๆ จังหวัดก็ตาม ยามาฮ่าคาดว่าตัวเลขรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ปี 2010 จะอยู่ที่ 1.83 ล้านคัน มีอัตราเติบโต 19% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่มียอดรวมอยู่ที่ 1.54 ล้านคัน สำหรับยามาฮ่าคาดว่าจะมียอดจดทะเบียนประมาณ 480,000 คัน และมีส่วนแบ่งตลาด 26% ส่วนยอดการขายถึงผู้จำหน่ายยามาฮ่า จะได้มากกว่า 500,000 คัน ซึ่งนับได้ว่าเป็นยอดขายที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และในปีนี้จะเห็นว่าเป็นปีแรกที่สัดส่วนของรถออโตเมติกสูงกว่ารถเกียร์ธรรมดา ซึ่งมีสัดส่วนดังนี้ รถออโตเมติก 51% และรถเกียร์ธรรมดา 49%

ตามที่ บริษัทฯ ได้มีนโยบายเน้นกลยุทธ์แบบไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง เน้นเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการความแตกต่าง และชื่นชอบแฟชั่นที่ทันสมัย ผนวกกับการวิจัยผู้บริโภคเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ เล็งเห็นว่าความต้องการของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น และมีความต้องการรถที่มีสไตล์ที่แตกต่าง ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการผู้บริโภคกลุ่มนี้ที่ถือเป็นเซกเม้นต์ใหม่ ยามาฮ่าจึงได้ออกแบบรถจักรยานยนต์ให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้โดยเฉพาะ ยามาฮ่าจึงส่ง “ยามาฮ่า ฟีโอเร่” ที่มาพร้อมกับสโลแกน “Smart’n in Style สมาร์ท...แบบมีสไตล์” รถจักรยานยนต์สไตล์ เทรนดี้ใหม่ล่าสุดสู่ตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงปลายปี อีกทั้งยังเป็นรถจักรยานยนต์หัวฉีดอัจฉริยะ YMJET เทคโนโลยีระบบหัวฉีดใหม่ล่าสุด อีกทั้งยังเป็นการส่งรถจักรยานยนต์เทรนด์ใหม่ที่มีล้อขนาด 12 นิ้ว เป็นรายแรกในประเทศไทยอีกด้วย”

สำหรับ “ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด” มีจุดเด่นหัวฉีดอัจฉริยะ YMJET และตอกย้ำความเป็นผู้นำ เทรนด์ออโตเมติกด้วยล้อขนาด 12 นิ้ว พร้อมสุดยอดเทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล เน้นเอกลักษณ์ดีไซน์เฉพาะตัว เช่น
* ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด ออโตเมติก 115 ซีซี ประหยัดน้ำมันที่สุดถึง 51 กิโลเมตร/ลิตร*
* ชุดระบบหัวฉีด YMJET รับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.**
* เทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล ที่ผลิตจากอลูมินัมซิลิกอนอัลลอย เบา ระบายความร้อนได้ดีกว่ากระบอกสูบแบบธรรมดา รับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.***
* แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5 แอมป์ มากกว่าในรถขนาดเดียวกัน จึงสตาร์ทง่ายและใช้งานได้นาน
* ครั้งแรกในประเทศไทย หน้าปัดฟรีฟอร์มพร้อมสมาร์ทไลท์บอกสภาพเครื่องยนต์ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานอัจฉริยะ ไฟโชว์สภาพเครื่องยนต์ทุกครั้งที่สตาร์ท และเตือนให้เช็คระยะทุก 4,000 กิโลเมตร
* ที่วางเท้ากว้างที่สุด ในรถขนาดเดียวกัน สะดวกสบายในการขับขี่ และขณะขึ้น-ลง พร้อมที่พักเท้าคนซ้อนดีไซน์พับเก็บไปกับตัวรถ
* ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 6 ไม่เพียงแค่ผ่าน แต่ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด ยังมีค่าไอเสียน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรฐานไอเสียระดับ 6 จึงยิ่งมั่นใจ และหมดห่วงเรื่องอากาศเสีย
* ที่เก็บของอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ 17 ลิตร ใหญ่สุด จุของได้มากที่สุดในรถขนาดเดียวกัน
* ช่องเติมน้ำมันอัตโนมัติตำแหน่งใหม่ สะดวกสบายมากขึ้น เติมได้โดยไม่ต้องลงจากรถ
* เปิดเบาะ และฝาน้ำมันสะดวกโดยไม่ต้องดึงกุญแจออก ปลอดภัยด้วยกุญแจนิรภัย 2 ชั้น แค่บิดกุญแจ เบาะหรือฝาน้ำมันก็เปิดออกได้โดยง่าย ช่องเก็บของด้านหน้าจะใส่หรือหยิบก็สะดวกยิ่งขึ้น
* ล้อเล็กเทรนด์ใหม่ ล้อแม็กซ์ขนาด 12 นิ้ว ขี่ง่าย และเท่ ไม่มียางใน ไม่มีรั่วซึม หน้ายางกว้างขึ้น เกาะถนนมากขึ้น
* สว่างจัดชัดไกล ดีไซน์ COOL ไฟหน้าดีไซน์แยกส่วน ดวงใหญ่ส่องไกลสว่างชัดเจน พร้อมไฟกระพริบฉุกเฉินเหมือนรถยนต์ ปลอดภัยเป็น 2 เท่า
* ไฟท้ายแยกส่วน กลมกลืนไปกับที่จับกันตก ไฟท้ายสว่างชัดทุกระยะ แยกส่วนกับไฟเลี้ยวข้างรถอย่างลงตัว กลมกลืนกับที่จับกันตกวัสดุคุณภาพสูง
*ผ่านการทดสอบ Mode ECE R40 ตามมาตรฐาน TISI (สำนักงานมาตรฐาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)

** รับประกันชิ้นส่วน: หัวฉีด กล่องควบคุมการทำงานเครื่องยนต์ ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ เซ็นเซอร์ตรวจวัดปริมาณอ๊อกซิเจน และชุดเรือนลิ้นเร่ง
*** รับประกันชิ้นส่วน: เสื้อสูบไดอะซิล ลูกสูบ และแหวนลูกสูบ

“ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด” แตกต่างด้วยคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่น ไม่ซ้ำแบบใคร ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์รถออโตเมติกตัวจริงด้วยล้อแม็กซ์ขนาด 12 นิ้ว โดนใจวัยรุ่นยุคใหม่ ถึง 3 สไตล์ ราคาพิเศษช่วงแนะนำ 44,500 บาท (รวม VAT, ไม่รวมทะเบียน และ พ.ร.บ.) ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายการขายไว้ 10,000 คันต่อเดือน

Make Up Your Cute
iCUTE Collection แต่งให้คิ้วท์ บิวติฟูล ไบค์... มีให้เลือก 3 สี
* สีเขียว
* สีชมพู
* สีม่วง

Make Up Your Chic
iCHIC Collection เปรี้ยวจี๊ดจ้าด เทรนด์โดนใจ... มีให้เลือก 3 สี
* สีแดง-ดำ
* สีเขียว-ดำ
* สีน้ำเงิน-ส้ม

Make Up Your Cool
iCOOL Collection อัพความเท่ เสน่ห์อยู่ที่ความคูล... มีให้เลือก 2 สี
* สีดำ-น้ำตาล
* สีขาว-แดง

สำหรับแผนการตลาด และการสื่อสารของ "ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด" ยามาฮ่าได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำกิจกรรมการตลาด ในครั้งนี้ได้นำเอาศิลปินสุดฮอตชาวเกาหลี 4 สาว วง 2NE1 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และนับได้ว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้มีการทำเพลง และจัดทำมิวสิควีดีโอ ซึ่งขับร้อง และแสดงโดย พรีเซ็นเตอร์ให้กับตัวสินค้า" ยามาฮ่า ฟีโอเร่" สำหรับชื่อเพลงนี้คือ Don't stop the music เป็นเพลงที่สดใส สนุกสนาน ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่น และที่พิเศษสุดๆ สำหรับแฟนคลับวง 2NE1 จะได้ฟังเพลงและชมมิวสิควีดีโอ เป็นที่แรกของโลกอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดให้มีสื่อโฆษณาอีกมากมาย ทั้งภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ สปอตวิทยุ สือกลางแจ้ง สื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร เป็นต้น เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงอย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมกับผู้จำหน่ายยามาฮ่าจัดกิจกรรมโปรโมท ยามาฮ่า ฟีโอเร่ ที่โชว์รูมทั่วประเทศ และเดินหน้าจัดกิจกรรมเปิดตัวในช่วงปลายปีแห่งแรกที่กรุงเทพฯ Urban Space ในวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม ซึ่งจะเป็นการเปิดตัวต่อลูกค้า และประชาชนทั่วไป คอนเซ็ปของงานเป็น FIORE Night Party ซึ่งจะมีกิจกรรมที่ทันสมัย และน่าสนใจมากมาย ทั้งพบปะดาราที่ชื่นชอบ และมีการแสดง concert จากศิลปินไทย และวง 2NE1 ส่วนในต่างจังหวัดได้ร่วมโปรโมทไปกับงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ( งาน Countdown) ใน 4 จังหวัด ชลบุรี(พัทยา) ภูเก็ต ขอนแก่น และอุดรธานี เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมนี้เป็นต้นไปและในปีหน้าได้วางแผนจัดกิจกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทฯ ได้จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงเปิดตัวนี้ โดยลูกค้าที่ซื้อ ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด ทุกคัน จะได้รับ "ฟีโอเร่ สไตล์ลิช กิฟท์ เซ็ท" ประกอบด้วย ฝาครอบเรือนไมล์ และฝาครอบไฟหน้า อุปกรณ์ตกแต่งแท้ของยามาฮ่าเพื่อตกแต่งให้รถดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น พร้อมกับหมวกกันน็อคสวยเก๋ลายเดียวกับตัวรถ 1 ใบ รวมมูลค่า 1,100 บาท ฟรี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มกราคม 2554 อีกทั้งลูกค้าสามารถกรอกข้อมูลลงในใบสมัครใต้เบาะ แล้วส่งกลับมาที่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เฉพาะลูกค้า 3,000 คันแรกเท่านั้น จะได้รับบัตรสมาร์ทเพิร์ส ฟีโอเร่ รุ่น Limited Edition บัตรเงินสด เท่สุด ช้อปง่ายได้แต้มอื่นๆ อีก มูลค่ารวมกว่า 1,600 บาท เช่น กระเป๋าสตางค์ FIORE Purse 1 ใบ แต้มสะสมทันที 5,000 แต้ม (มูลค่า 100 บาท) ใช้แทนเงินสดได้ทันที และคูปอง FIORE Smart Plus หลากหลายสิทธิพิเศษตรงใจรองรับทุกสไตล์

เพิ่มเติม : http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1415

Wednesday, December 22, 2010

Don't Stay Tuned...



I'LL BITE THE DUST...













Waarde DVMA-ers.





Met dit laatste blog,






dat moet dan ook chronologisch gezien het laatste zijn,


ga ik nu dan maar eens eindigen...


Het is mooi geweest !






Over de 1e 100.000 page-views en er zullen nog vele volgen.



In 2005 ben ik begonnen met een D.V.M.A.website*



met terugwerkende kracht naar 1997 ,



vele avonturen/verhalen...



(*zit nagenoeg helemaal vol).




Ik heb de Dutch Vintage Motorcycle Association naam bedacht,



deze D.V.M.A opgericht door samenvoeging van



twee motorrijders groepjes rondom Utrecht,





het D.V.M.A. Logo gemaakt.



De publiciteit gehaald in de diverse (BeNeLuX) Media...




Drie maal op rij 2007, 2008, 2009,


The Razorblade Vintage Motorcycle Challenge


georganiseerd.



Het "BierBlik" - werpen uitgevonden...



Vervolgens nog zo'n 180 verhalen op dit D.V.M.A-weblog...


en diverse filmpjes op het D.V.M.A YouTube Channel






De D.V.M.A staat internationaal op de (internet)kaart.


Kortom de D.V.M.A is op "de rit"...






en breidt uit ...


Ik ga voortaan mijn energie gebruiken,



om mijn VICTRACE archief ten toon te spreiden,



en er bij leven en welzijn nog iets mee doen,




en ook op mijn nieuw VICTRACE weblog .






Dat is hele andere koek...





VICTRACE


bestaat immers 25 Jaar!












































I will accept the Challenge...




So that I may feel the Exhilaration




of Victory !



So















"The Twin Man"



Reactie:


Hoi Speedman George,


Ik vind het jammer,dat je er mee ophoudt,


maar het is jouw beslissing en dat respecteer ik



Roelofski


P.s. In ieder geval wat mij betreft,



reuze bedankt voor al het lees-en kijkpleizier.


Ik zal het missen.


Aan de andere kant begrijp ik ook wel,


dat je er een keer genoeg van hebt.









JUST..TWIST THE THROTTLE = TURN YOUR SOUND VOLUME



Ik heb het met Hart & Ziel gedaan,





en ga voort...


oioioi




Dream on....


Motoring George Spauwen







Sponsored by









Sunday, December 12, 2010

เผยโฉมรถสปอร์ต CBR250R ครั้งแรกสู่สายตาสาธารณชน

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตอกย้ำศักยภาพความยิ่งใหญ่ระดับโลก
เผยโฉมรถสปอร์ตหรูล้ำตัวล่าสุด CBR250R ครั้งแรกสู่สายตาสาธารณชน
ในงาน Thailand International Motor Expo 2010


รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย โชว์ศักยภาพสุดขีดความแรงเหนือระดับ เอาใจผู้รักในความเท่แบบรถสายพันธุ์สปอร์ตระดับโลก ส่งรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีด PGM-FI รุ่นใหม่ “ฮอนด้า ซีบีอาร์ 250 อาร์ (Honda CBR250R)” อวดโฉมสู่สายตาสาธารณชนชาวไทยเป็นที่แรก ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 27 (Thailand International Motor Expo 2010) วันที่ 2-12 ธันวาคม 2553 ณ IMPACT Challenger 1-3 เมืองทองธานี โดยการเข้าร่วมงานในครั้งนี้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าหวังเจาะกลุ่มเซ็กเมนต์ตลาดระดับบน แนะนำประสบการณ์แห่งการขับขี่รูปแบบใหม่กับรถสปอร์ตเท่สไตล์หรูที่คู่ควรกับผู้ขับขี่รถยนต์ทุกท่าน พร้อมวางแผนการจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2553 เป็นต้นไป ณ ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ทั่วประเทศ สนนราคาเริ่มต้นที่ 100,000 บาท พร้อมพิเศษสุด! ด้วยข้อเสนอเหนือระดับสุดคุ้มต้อนรับงานมอเตอร์เอ๊กซ์โป วันนี้ถึง 31 ธันวาคมนี้ ซื้อฮอนด้า ซีบีอาร์ รับทันที “CBR Platinum Package” แพคเกจรวม 2 สุดยอดสิทธิประโยชน์เหนือระดับ บริการ Honda Roadside Assistance และ Free Maintenance Coupon บำรุงรักษารถฟรีตลอด 1 ปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Honda Call Center 0-2725-4000

รถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่น CBR250R เป็นรถสปอร์ตเท่สไตล์หรูที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีชั้นเลิศ พร้อมอุปกรณ์ติดรถครบครันเทียบชั้นรถสปอร์ตระดับโลก ครั้งแรกของฮอนด้ากับการพัฒนาเครื่องยนต์ 250 ซีซี 4 จังหวะ 6 เกียร์ ระบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับเฉกเช่นรถบิ๊กไบค์ ด้วยความรู้สึกใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน พร้อมโฉมรูปลักษณ์ขนาดใหญ่ ให้ความเท่สะดุดตาแบบสปอร์ตี้ฟลูคาวลิ่ง (Sporty Full Cowling) ตัวถังมีขนาดกระทัดรัดและน้ำหนักเบาได้รับการออกแบบอย่างปราณีตให้มีรูปทรงคล้ายเพชร แข็งแกร่งและโฉบเฉี่ยว คงไว้ซึ่งความคล่องแคล่ว ปราดเปรียวอย่างรถสปอร์ต ขณะที่ดีไซน์บังลมช่วยให้การควบคุมการขับขี่เป็นไปอย่างคล่องตัว ง่ายต่อการควบคุมและขับขี่ นอกจากนั้น ยังเสริมด้วยสมรรถนะความแรงเร้าใจของระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด PGM-FI ที่เสริมดีกรีความแรงที่สุดของการขับเคลื่อน ประหยัดน้ำมันสุดยอด ด้วยอัตราประหยัดน้ำมัน 27 กม./ ลิตร เผาไหม้หมดให้ความสมดุลในด้านสิ่งแวดล้อมผ่านมาตรฐานยูโร 3 และมาตรฐานควบคุมไอเสียระดับ 6

ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับในส่วนเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย CBR250R ได้รับการติดตั้งคอมบายเบรก ABS สำหรับรถสปอร์ต ในระดับ 250 ซีซี เป็นครั้งแรกของโลก โดยระบบคอมบายเบรกแบบ ABS นี้ช่วยให้รถทรงตัวได้ดีขณะเบรก และช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายแม้หยุดกระทันหัน ซึ่งคอมบายเบรก ABS เป็นการผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง ระบบคอมบายเบรก (CBS, ระบบเบรคที่เชื่อมต่อกันระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง) และระบบป้องกันล้อล็อค (ABS, ระบบเบรคที่ป้องกันล้อล็อคในระหว่างการเบรคกระทันหัน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา) พร้อมอุปกรณ์ล้ำหน้าเทียบรถใหญ่ระดับโลก เติมเต็มขีดสุดของความมั้นใจทั้ง Front-Rear Disk Brake (ดิสก์เบรกหน้าลูกสูบคู่ สำหรับรุ่นที่ไม่มี ABS), Pro-Link Rear Suspension โช้คหลังแบบโปรลิงค์ ปรับได้ 5 ระดับตามน้ำหนักบรรทุก หรือสภาพถนน เพื่อลดแรงกระแทกขณะขับขี่ ให้การทรงตัวดีเยี่ยม ให้ทุกการเลี้ยวโค้งแน่วแน่และมั่นใจ, Engine Stop Switch สวิตซ์หยุดการทำงานของเครื่องยนต์ เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการขับขี่, รวมถึงอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ในต่างประเทศอย่าง Passing Light ระบบไฟขอทาง สะดวกปลอดภัยเมื่อต้องการใช้ความเร็ว

ทั้งนี้ ในส่วนของด้านแผนการตลาด Honda CBR250R ได้ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นรถสปอรต์หรูระดับบน ภายใต้คอนเซปต์การสื่อสารการตลาด “To Know the Unknown” ที่จะสะท้อนเอกลักษณ์ความเท่กับประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีมาตรฐานระดับโลก โดย Honda CBR250R นำความเท่แบบสปอร์ตหรูล้ำมาให้เลือกตามสไตล์ความเท่ถึง 2 รุ่น คือรุ่น Standard และรุ่น Combined ABS โดยแต่ละรุ่นจะมีให้เลือกถึงรุ่นละ 3 โทนสีลุคสปอร์ต คือสีแดง-เทา RED Hero, สีเทา GRAY และสีดำ-เทา Black Knight เริ่มวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 10 เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นในรุ่น Standard ที่ 100,000 บาท และราคาเริ่มต้นในรุ่น Combined ABS ที่ 115,000 บาท

เทคโนโลยีความเท่สไตล์สปอร์ตระดับโลกกับประสบการณ์ครั้งใหม่ของ Honda CBR250R ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ.........Honda CBR250R…To Know the Unknown



เพิ่มเติม : http://www.aphonda.co.th/

Friday, December 10, 2010

Repro Triumph Speed Twin forks












Repro Triumph Speed Twin forks

(*for real Triumph Motorbikes!)


They've been out of production for around 70 years, but if Jake Robbins gets sufficient interest they're gonna be available again.

But just how much are they likely to cost, Jake?

"That's difficult to say for certain.

But I'd estimate around £1500-£1800,

complete and ready to fit.


Yes, that sounds a lot, but these will be made in exactly the same way they were made by Triumph with all new castings and the correct tapered tubing.

I'm looking for around half a dozen orders to get it started and make the project viable."


If anyone out there is interested, we can vouch for the quality of Jake's work

(see feature on Jake elsewhere on this site).

You can reach him on: 07986 254 144, or by email at elkforks@aol.com.


"Ain't nothing but the real thing"

SO

Motoring George

" The Speed Twin Man "


Sponsored by
Victrace Sitebuilding

Monday, November 22, 2010

ยามาฮ่าคลอดรถใหม่ หัวฉีด-ออโต้รุ่นแรก


ค่าย "ยามาฮ่า" เตรียมปล่อยทีเด็ด รถจักรยานยนต์ออโตเมติก เครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่ กำหนดเปิดตัว 2 ธันวาคมนี้ โดยเป็นโมเดลพัฒนาใหม่หมด หวังท้าชนเจ้าตลาด "ฮอนด้า" ที่ฟุ้งเรื่องหัวฉีดมานาน พร้อมปรับเป้าขายรวมปีนี้เพิ่มเป็น 5.1 แสนคัน

จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทถือเป็นผู้นำในกลุ่มรถจักรยานยนต์ออโตเมติกตัวจริง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ล่าสุดบริษัทเตรียมส่ง รถออโตเมติก พร้อมเครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่ลุยตลาด และเตรียมเปิดตัวกับสื่อมวลชนวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ที่โรงแรมริเวอร์ไซค์ กรุงเทพฯ

"รถที่เตรียมเปิดตัวต้นเดือนธันวาคมนี้ จะเป็นรถเครื่องยนต์หัวฉีดโมเดลที่สองของยามาฮ่า (โมเดลแรก "สปาร์ก 135ไอ" เกียร์ธรรมดา) แต่ถือเป็นโมเดลแรกที่เป็นเครื่องยนต์หัวฉีด ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ เชื่อว่าหลังการเปิดตัวจะสร้างความคึกคักให้ตลาดช่วงปลายปีได้เป็นอย่าางดี"

ในส่วนยอดขายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.2553)ทำได้ 401,218 คัน เติบโต 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว(354,879 คัน) ขณะเดียวกันบริษัทยังปรับเป้าหมายการขายในปีนี้เป็น 510,000 คัน สูงกว่าที่คาดการไว้ช่วงต้นปี 480,000 คัน

จินตนา กล่าวว่า แม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าปลายปีตลาดจะกลับมาสดใสอีกครั้ง อย่างปีนี้บริษัทจะทำยอดขายรวมได้ถึง 510,000 คัน ขยายตัว 19% เมื่อเทียบกับปี 2552 ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดอาจจะลดลงจาก 28% เป็น26% ซึ่งบริษัทไม่ได้ถือเป็นเรื่องเสียหายอะไร เพราะผ่านมาก็มียอดขายโตขึ้นตลอด

นอกจากนี้เพื่อเป็นการรองรับยอดขายรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น บริษัทได้เปิดตัวน้ำมันเครื่องยามาลู้ปสูตรใหม่ "Yamalube ECO PLUS " น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ระดับพรีเมียม เกรด 10W-40 ตัวแรกของยามาฮ่า สำหรับรถจักรยานยนต์ออโตเมติก 4 จังหวะ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ที่ต้องการน้ำมันครื่องประสิทธิภาพสูง ในราคาที่คุ้มค่า คาดว่าหลังการเปิดตัวจะทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มากกว่า 50%

เพิ่มเติม :
http://www.langrod.com/

Sunday, October 31, 2010

ปิดไตรมาส 3 มอ'ไซค์ขาย 1.4 ล้านคัน


ผ่าน 3 ไตรมาสของปี 2553 ตลาดรถจักรยานยนต์ยังแรงไม่หยุด ด้วยยอดขายรวม 1,404,626 คัน โต 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรถแบบเอ.ที ยังได้รับความนิยมสูงสด หรือคิดเป็นสัดส่วน 51% จากยอดขายรถทุกประเภท

ธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยปิดฉากไตรมาสสามของปี เติบโตสูงถึง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยยอดจดทะเบียนสะสม 1,404,626 คัน โดยฮอนด้าเจ้าเดียวโตขึ้น 27% พร้อมครองส่วนแบ่งการตลาด 68%

“เหตุผลส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยเติบโตขึ้นนี้ สาเหตุหลักคงมาจากการที่บรรดาค่ายผู้ผลิตต่างโหมกระตุ้น และสร้างความตื่นตัวให้กับตลาด โดยเฉพาะค่ายฮอนด้าเอง ในฐานะของผู้นำตลาด ได้เตรียมส่งความหลากหลายของสินค้า ในทุกโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นในประเภทรถครอบครัว รถเอ.ที และล่าสุดกับรถสปอร์ต เพื่อเติมเต็มในทุกส่วนของความต้องการของผู้บริโภค และเติมเต็มให้เหนือยิ่งกว่า ด้วยการตอบสนองในส่วนที่เหนือความต้องการเพื่อมุ่งเปิดเซกเมนต์ใหม่ๆ ขยายตลาดรถจักรยานยนต์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น”

ด้านตัวเลขสะสม 9 เดือนแรกของปีของตลาดรถจักรยายนต์เมืองไทย มียอดจำหน่ายรวมที่ 1,404,626 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที 716,848 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 51%, แบบครอบครัวที่ 643,927 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46%, แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 18,718 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1%, แบบสปอร์ต 6,998 คัน และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 18,135 คัน

หากแบ่งแยกตามประเภทของผู้ผลิต ฮอนด้ามียอดจดทะเบียนที่ 954,901 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 68%, ยามาฮ่า 366,499 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 26%, ซูซูกิ 51,070 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 16,634 คัน อัตราครองตลาด 1% , เจอาร์ดี 237 คัน, แพล็ตตินั่ม 565 คัน, ไทเกอร์ 1,577 คัน และอื่นๆ 13,143 คัน

สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนกันยายน 2553 มียอดจำหน่ายรวมที่ 152,366 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบเอ.ที 78,617 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 52% ซึ่งขึ้นนำรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่มียอดจดทะเบียนที่ 70,788 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46% สำหรับรถจักรยานยนต์ในแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 631 คัน, แบบสปอร์ต 421 คัน และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 1,909 คัน

ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิตในเดือนกันยายน รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 102,672 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 67%, ยามาฮ่า 40,716 คัน อัตราครองตลาด 27%, ซูซูกิ 5,480 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 1,642 คัน , เจอาร์ดี 11 คัน, แพล็ตตินั่ม 87 คัน, ไทเกอร์ 177 คัน และอื่นๆ 1,581 คัน

เพิ่มเติม : http://www.langrod.com/

Friday, October 22, 2010

รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเดินเกมตลาดรถสปอร์ต

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า อัดฉีดความแรงเร้าใจ ปลุกกระแสความมันส์ เดินเกมตลาด
รถสปอร์ต กับ “Honda CBR150R FI” รถสปอร์ตหัวฉีดตัวแรกของเมืองไทย


รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย ประกาศความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่เป็นรายแรกกับยุทธศาสตร์การเปลี่ยนยุคแห่งการขับขี่สู่ยุคหัวฉีด ก้าวสู่ความเป็นผู้นำที่ทิ้งห่างคู่แข่งขัน ด้วยการพัฒนามอเตอร์ไซต์หัวฉีดได้หลากสไตล์ ครองใจผู้บริโภคได้ครบทุกเซ็กเมนต์ โดยล่าสุดวันนี้! กับการอัดฉีดกลยุทธ์ความแรงหัวฉีดในเซกเมนต์ใหม่ล่าสุดกับยนตรกรรมสปอร์ตเร้าใจรุ่น “Honda CBR150R FI” ครั้งแรกของเมืองไทยกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์ 150 ซีซี ขุมพลังหัวฉีด PGM-FI รูปโฉมดีไซน์ใหม่ให้อารมณ์เดียวกับรถสปอร์ตคันเท่ระดับโลก หวังปลุกกระแสความเร้าใจของตลาดรถสปอร์ตในเมืองไทยให้กับมาโหมกระหน่ำอีกครั้ง โดยตั้งเป้าการจำหน่ายของรถสปอร์ตรุ่นนี้ที่ 10,000 คันต่อปี ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 75,900 บาท พร้อมเตรียมเผยโฉมอย่างเป็นทางการ และเปิดให้ทดลองขับยนตรกรรมสปอร์ตสุดร้อนแรงคันใหม่นี้ได้ที่งาน “Big Fun Fest by Honda” มหกรรมความมันส์ สนุก สุดเซอร์ไพรส์ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) วันที่ 30 ตุลาคมนี้ แฟนมอเตอร์ไซต์ตัวจริง ไม่ควรพลาด!

มร.จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงกระแสการกลับมาของรถสปอร์ตของเมืองไทยในครั้งนี้ว่า “การวางจำหน่าย All new Honda CBR150R FI ในครั้งนี้ คืออีกหนึ่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของฮอนด้า โดยการรุกตลาดรถสปอร์ตหัวฉีดนี้ทำให้กลยุทธ์และเจตนารมณ์ในการเปลี่ยนแปลงยุคแห่งการขับขี่ สู่ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ของฮอนด้าประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ โดยฮอนด้าสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทั้งตลาด ไม่ว่าจะเป็นในตลาดประเภทรถ เอ.ที, รถครอบครัว และล่าสุดวันนี้กับตลาดรถสปอร์ต ซึ่ง Honda CBR150R FI ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่ฮอนด้าจะปลุกกระแสตลาดรถสปอร์ตของเมืองไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 อาร์ FI ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตลาดรถจักรยานยนต์ประเทศไทยโดยเฉพาะ การพัฒนาได้คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าชาวไทยเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งการพัฒนาติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ ตลอดจนเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ใหม่ให้เป็น Image รถบิ๊กไบค์ระดับโลกรอบคัน เรามีความตั้งใจว่า ลูกค้าจะรู้สึกได้ถึงความยินดีในรูปแบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าการปรากฏโฉมของ All New Honda CBR150R FI นี้จะสร้างความพึงพอใจอย่างล้ำลึกให้กับลูกค้าที่รอคอยมาอย่างยาวนานได้แน่นอน”

สำหรับความแรงเร้าใจของ Honda CBR150R FI รถจักรยานยนต์ซีตี้สปอร์ตหัวฉีดตัวแรกของเมืองไทยคันนี้ ได้อินไซต์ของคนที่มีใจรักความแรง และความท้าทายเป็นพื้นฐาน อย่างนักแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “ฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” หนุ่มนักบิดหนึ่งเดียวของชาวไทย สายเลือดนักแข่งสายพันธุ์แท้ มาร่วมถ่ายทอดสไตล์ความร้อนแรงในการขับขี่รถสปอร์ตหัวฉีด ที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะความแรง และความคล่องตัว โดยฮอนด้าเชื่อว่าภาพลักษณ์ด้านความท้าทายของ “ฟีม” ที่มีต่อเวทีระดับโลกจะช่วยส่งเสริมความเป็นมอเตอร์สปอร์ตของ Honda CBR150R FI ให้โดดเด่นมากขึ้น ภายใต้แนวคิดทางการสื่อสารการตลาดของรถสปอร์ตร้อนแรง “True Blood of Sport Spirit สปอร์ตเร้าใจ...สายพันธุ์แท้”

Honda CBR150R FI นอกจากเป็นรถสปอร์ตหัวฉีด PGM-FI ในระดับ 150 ซีซี ตัวแรกของประเทศไทยแล้ว ยังมาพร้อมมาตรฐานเครื่องยนต์ DOHC 4 วาล์ว 6 เกียร์ ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อมพัดลมไฟฟ้าอัตโนมัติ ปฏิวัติรูปโฉมใหม่ทั้งหมด กับรูปทรงเท่สไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมมาดเข้มดุดันมากขึ้นกับ Sporty Full Cowling เท่ทรงพลังตั้งแต่หน้ากากจรดไฟหน้า กับถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่จุน้ำมันได้มากขึ้นถึง 13 ลิตร, ครั้งแรกกับนาฬิกาดิจิตอลบนหน้าปัดเรือนไมล์สุดหรู ที่แสดงผลบนจอ LCD พร้อมระบบ ODO Meter วัดระยะการเดินทาง และอุปกรณ์มาตรฐานเดียวกับรถสปอร์ตชั้นสูงระดับโลกรอบคัน พร้อมเผยโฉมความร้อนแรงแบบสปอร์ตตัวจริงด้วยกันถึง 3 สี หลากสไตล์ ได้แก่ Sporty R.W.B (แดง-ขาว-น้ำเงิน) มาดสปอร์ตเท่ให้อารมณ์สายพันธุ์นักแข่ง, X-Treme RED (แดง) สปอร์ตจัดจ้าน ร้อนแรง และ Night Black (ดำ) สปอร์ตมาดเข้ม ดุดันทุกการเคลื่อนไหว

ทั้งนี้ ด้านแผนการจำหน่าย Honda CBR150R FI จะเริ่มส่งความแรงเร้าใจสู่ตลาดตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 75,900 บาท ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายทั้งสิ้น 10,000 คันต่อปี พร้อมพิเศษสุด เอาใจคนหัวใจสปอร์ต ด้วยข้อเสนอสุดร้อนแรง! สำหรับ 1,000 คันแรก รับฟรีทันทีเสื้อแจ๊คเก็ตสุดเท่มูลค่ากว่า 2,000 บาท (ของมีจำนวนจำกัด) นอกจากนั้นอีกหนึ่งข้อเสนอพิเศษกับ Platinum Package แพคเกจบริการช่วยเหลือกรณีรถเสียฉุกเฉิน และบริการช่วยเหลือทางการแพทย์ ระยะเวลา 1 ปี จาก Honda Roadside Assistance รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ อาทิ คูปองบริการล้างรถฟรี คูปองเปลี่ยนถ่านน้ำมันเครื่องฟรี และอื่นๆ ตามเงื่อนไขของทางบริษัทฯ ข้อเสนอนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 เท่านั้น

เตรียมสัมผัสความยิ่งใหญ่พร้อมทดลองการขับขี่ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าซีบีอาร์ 150 อาร์ FI ได้ก่อนใคร ในงาน “Big Fun Fest” มหกรรมความมันส์ สนุก สุดเซอร์ไพรส์ by Honda ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2553 นี้

เพิ่มเติม : http://www.aphonda.co.th/

Monday, October 18, 2010

S-KTRC (Sport-Kawasaki Traction Control)


With S-KTRC, Kawasaki becomes the first Japanese manufacturer to deliver a race-bred traction-control system to the masses. As an evolution from what was learned on the MotoGP stage, Kawasaki points out that this traction-control system has been developed “to help riders push harder on the track by maximizing acceleration.”
Whereas the KTRC on the Concours 14 is designed primarily for safety, the S-KTRC helps reduce lap times by allowing a certain amount of slip before intervening. As long as “effective traction” is maintained, the TC will still allow power slides and wheelies.
Wheel-speed sensors are a key component of OEM TC systems, but S-KTRC does without an accelerometer (Ducati) or a gyro bank-angle input (BMW). The Kawi system (in development for five years) uses a Mitsubishi ECU to monitor engine speed, throttle position, acceleration rate and comparative wheel speeds to judge the bike’s slip angle, retarding ignition timing if the tires need to be reined back in. Data points are examined an incredible 200 times per second! By doing without accelerometer or bank-angle sensors, S-KTRC has no fixed maps, so the TC is able to adapt to modifications like exhaust systems or engine tweaks.
Kawasaki claims its TC system is so sophisticated that it can predict when traction conditions “are about to become unfavorable,” so it can engage mildly before slippage exceeds the range for optimal traction, minimizing harsh intervention.
Three levels of TC can be dialed in from handlebar switchgear, even while moving, and it can be switched off (while stopped) if you’re especially brave. Your chosen TC setting is stored in memory – like the Ronco Rotisserie, just set it and forget it!
The bottom of the new gauge pack has a 7-section bar-graph display showing the amount of TC intervention. Jeff Herzog, Kawasaki’s senior media relations coordinator and a former racer, said he saw only one bar light up during a full-throttle corner exit over a racetrack’s curb. “You’ll be amazed how often you’ll be able to use full throttle,” he says.

We’ve seen it, sat on it, and heard it run! Kawasaki has unleashed a potent new literbike weapon in the form of the 2011 ZX-10R.

This is not a warmed-over version of the existing 10R – it’s a ground-up redesign with virtually zero carry-over parts. More power and less weight (22 lbs is the target) are naturally part of the package, but less expected is a new traction-control system that is claimed to be the most sophisticated on the market and comes as standard equipment.
The result is a bike said to be a huge 2 seconds quicker around Autopolis than the 2010 edition in back-to-back testing on identical tires on the same day. This indicates it has the potential to turn better lap times than its literbike competitors.