Monday, July 13, 2009

ตลาดรถจักรยานยนต์รับกระแสเครื่องยนต์หัวฉีด


ตลาดรถจักรยานยนต์รับกระแสเครื่องยนต์หัวฉีดส่งผลครึ่งปีแรกหดตัวต่ำกว่าประมาณการณ์ขณะยอดจดทะเบียนล่าสุดเดือน มิ.ย. สูงสุดในรอบ 10 เดือน

ทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกถดถอยตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่จากการโหมกระตุ้นและปลุกเร้าตลาดจากบรรดาค่ายผู้ผลิต โดยเฉพาะค่ายผู้นำ คือ ฮอนด้า ที่มุ่งเน้นนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่แบบเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI ที่มีคุณสมบัติเด่นด้านความประหยัด ส่งผลให้เกิดกระแสความตื่นตัวและความสนใจเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภค และที่สำคัญเป็นส่วนช่วยผลักดันให้การหดตัวของตลาดต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้เมื่อต้นปี โดยมีอัตราเติบโตลดลงเพียง 15% เท่านั้น ในขณะที่ยอดจดทะเบียนรายเดือนมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเดือน มิ.ย. มีปริมาณสูงสุดในรอบ 10 เดือน ส่วนแนวโน้มตลาดในช่วงครี่งปีหลัง คาดการณ์ว่าจะยังคงคึกคักและตื่นตัวจากการกระตุ้นของบรรดาค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า จากสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วเป็นต้นมา นับเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถจักรยานยนต์ ทำให้การเติบโตของตลาดในครึ่งแรกของปีนี้อยู่ในทิศทางที่ลดลง แต่ทั้งนี้การหดตัวของตลาดนั้น มีต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ตั้งแต่เมื่อต้นปี โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมามีการคาดการณ์กันไว้ว่า ตลาดในปีนี้จะเติบโตลดลงถึง 20 - 30% หากว่าในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ ปริมาณยอดจดทะเบียนโดยรวมมีจำนวนทั้งสิ้น 743,224 คัน ส่งผลให้การขยายตัวของตลาดมีอัตราลดลงเพียง 15% เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

นอกจากนั้นแล้ว ทิศทางการหดตัวของตลาดนับตั้งแต่ต้นปี ยังมีอัตราลดน้อยลงเรื่อยมาโดยตลอด โดยในเดือน ม.ค. มีอัตราการหดตัวสูงถึง 23% และล่าสุดในเดือน มิ.ย. อัตราการหดตัวของตลาดลดต่ำลงเหลือเพียง 7% เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่ปริมาณยอดจดทะเบียนรายเดือน มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 151,473 คัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่แล้วเป็นต้นมา

ทั้งนี้เป็นผลจากการที่บรรดาค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ต่างโหมกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้กับตลาด ด้วยการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายในรูปแบบที่หลากหลาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายผู้นำตลาด คือ ฮอนด้า ที่มุ่งเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย คือระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI (Programmed Fuel Injection) อันมีคุณสมบัติเด่นด้านความประหยัด สอดรับกับสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดกระแสความตื่นตัวเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภค

อีกทั้งทางค่ายฮอนด้ายังมีการจัดแคมเปญใหญ่ระดับประเทศ เพื่อส่งเสริมการขายรถยอดนิยมแบบเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI รุ่นต่างๆ พร้อมเสริมกลยุทธ์ด้านประชาสัมพันธ์ผ่านแคมเปญ "C'mon… LET'S HAVE FUN" หรือ "ได้เวลา...ฮอนด้าหัวฉีด" ซึ่งเป็นการนำเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความสนุกกับรถฮอนด้าหัวฉีด อันเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์และคุณสมบัติเด่นของเทคโนโลยีนี้ ส่งผลให้รถแบบเครื่องยนต์หัวฉีดได้รับการยอมรับและความนิยมเป็นอย่างสูง และมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเมื่อต้นปีมีสัดส่วนจากตลาดโดยรวมทั้งหมด 22% เพิ่มขึ้นเป็น 45% ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา

ส่วนแนวโน้มของสภาพตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง คาดการณ์ว่าจะมีความคึกคักและมีความตื่นตัวสูง จากการปลุกกระตุ้นของค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ด้วยแคมเปญส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะค่ายฮอนด้า ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายรถยอดนิยมเครื่องยนต์หัวฉีด PGM-FI แบบ เอ.ที. (Automatic Transmission) หรือแบบเกียร์อัตโนมัติ รุ่น คลิก-ไอ (Click-i) ในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้รถรุ่นนี้มีปริมาณยอดจดทะเบียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สูงที่สุดต่อเนื่องตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นมา รวมทั้งยังผลักดันให้อัตราครองตลาดในกลุ่มรถแบบ เอ.ที. ของฮอนด้า มีเพิ่มขึ้นเรื่อยมานับตั้งแต่ต้นปี คือ ในเดือน ม.ค. มี 38% และเพิ่มขึ้นเป็น 45% ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ดังนั้นทางฮอนด้าจึงมีการรุกตลาดด้วยแคมเปญใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการขายรถรุ่นนี้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง อาทิ แคมเปญ "คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น" อันเป็นแคมเปญฉลองยอดขายรถรุ่นนี้สู่ยอด 1 ล้านคัน ซึ่งทำให้เป็นรถแบบ เอ.ที. ยอดนิยมอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้ใช้ โดยทั้งนี้แคมเปญนี้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนช่วยกระตุ้นและสร้างความตื่นตัวให้กับตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

สำหรับรายละเอียดของยอดการจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรก ปรากฎว่ารถแบบครอบครัวได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องด้วยเป็นรถที่ให้ความประหยัดและให้ความคุ้มค่าในการใช้งาน สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด โดยรถแบบครอบครัวมีปริมาณยอดจดทะเบียนมากถึง 368,675 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทนี้ถึง 90% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ฮอนด้าให้ความสำคัญกับรถประเภทนี้เป็นอย่างมาก พร้อมทั้งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์รถครอบครัวมาอย่างยาวนานและนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ตลอดจนการยอมรับในกลุ่มผู้ใช้รถอย่างกว้างขวาง

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางค่ายฮอนด้าได้วางตลาดรถครอบครัวแบบเครื่องยนต์ระบบจ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด PGM-FI รุ่น เวฟ 110 ไอ (Wave 110i) ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาด อันเป็นผลผลักดันให้รถฮอนด้าในตระกูลเวฟ เป็นรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่ได้รับการยอมรับและความนิยมมากที่สุด ด้วยปริมาณยอดจำหน่ายสะสมสูงถึงกว่า 7.5 ล้านคัน นับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายเมื่อปี 2539 เป็นต้นมา

ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีแรกดังนี้ คือ รถแบบ เอ.ที. มีปริมาณ 344,603 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46% , รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 18,289 คัน สัดส่วนตลาด 2% , รถแบบสปอร์ต 5,646 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 6,011 คัน สัดส่วนตลาด 1%


เพิ่มเติม http://www.aphonda.co.th/2009/2009_page112.asp?id=2077

No comments:

Post a Comment